“ทรัมป์” ป่วนค่าเงินบาทผันผวน-สิ้นปีส่อแข็ง 33 บาท

Currency fluctuations

“ทรัมป์” ป่วนค่าเงิน “กรุงศรี” เผยช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา บาทแข็งค่า 3% สูงสุดแตะ 33.78 บาท/ดอลาร์ จากความกังวลการดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ชี้ระยะข้างหน้าเงินบาทผันผวนต่อเนื่อง ปลายปีส่อแข็งค่าแตะ 33 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างปีมีโอกาสอ่อนถึง 35 บาท/ดอลลาร์ ด้าน “ห้องค้ากสิกรไทย” จับตา 100 วันแรกนโยบายทรัมป์เอฟเฟ็กต์ค่าเงิน

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทิศทางค่าเงินบาท ช่วงที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ จะเห็นว่าในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นราว 3.0% หรือแข็งค่าขึ้นเฉลี่ยกว่า 1 บาท โดยหากดูค่าเงินบาทช่วงที่แข็งค่าสุดจะอยู่ที่ระดับ 33.78 บาทต่อดอลลาร์ และช่วงที่อ่อนค่าสุดอยู่ที่ 34.84 บาทต่อดอลลาร์

รุ่ง สงวนเรือง
รุ่ง สงวนเรือง

“ถ้าดูทิศทางตลาดจะเห็นว่า ค่อนข้างมีความกังวล ตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2567 จากนโยบายของทรัมป์ที่จะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยยากขึ้นในปี 2568 ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และเงินบาทอ่อนค่า อย่างไรก็ดี ภายหลังจากพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น เนื่องจากตลาดติดตามการจัดลำดับการดำเนินนโยบายของทรัมป์ ในส่วนของมาตรการกีดกันทางการค้าพบว่าจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรอง ตลาดจึงมีความกังวล หลังจากซื้อดอลลาร์ไปก่อนหน้านี้ จึงมีการระบายเงินดอลลาร์ออกมาค่อนข้างเยอะ ทำให้เงินบาทแข็งค่า”

นางสาวรุ่งกล่าวว่า มองไปข้างหน้าเชื่อว่าค่าเงินบาทจะยังคงมีความผันผวนสูงต่อเนื่อง เพราะการดำเนินนโยบายของทรัมป์คาดเดาได้ยาก ซึ่งตลาดอาจจะกลับมากังวลในเรื่องของสงครามการค้าอีกครั้งได้ แม้ว่าจะไม่ได้มีการประกาศจะดำเนินการในช่วงนี้ แต่ไทยถือเป็นประเทศที่มีการค้าเกินดุลกับสหรัฐ อาจจะได้รับผลกระทบเช่นกัน

ทั้งนี้ มองว่าค่าเงินบาทจะมีทิศทางแข็งค่าปลายปีอยู่ที่ระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงระหว่างทางมีโอกาสเห็นค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ภายใต้ตลาดที่มีการคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยช้าลง และลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง โดยในส่วนของกรุงศรีฯยังคงคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ทำให้เงินบาทแข็งค่า

“ค่าเงินบาทถือว่าแข็งค่าค่อนข้างเร็ว เพียง 3 สัปดาห์แข็งค่าไปแล้ว 3% ถือว่าเร็วมาก และเราจะยังคงเห็นความผันผวนสูงต่อ เพราะด้วยแคแร็กเตอร์ของทรัมป์จะทำนโยบายที่เราคาดเดาได้ยาก และนโยบายเฟดเอง แม้ว่าจะถูกกดดันจากทรัมป์ แต่เชื่อว่าเฟดจะพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อด้วย เราจึงยังคงมองว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง จะหนุนเงินบาทแข็งค่า”

ADVERTISMENT

ดร.กอบสิทธิ์ ศิลปชัย CFA, ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า หลังจากทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา นำไปสู่จุดเริ่มต้นของ 100 วันแรก อันเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิดของตลาดถึงทิศทางนโยบายต่าง ๆ ที่ทรัมป์ได้หาเสียงไว้

ซึ่งโดยรวมประเมินว่าจะสนับสนุนดอลลาร์สหรัฐยังอยู่ในขาแข็งค่า แต่ผลจำกัดมากขึ้น เนื่องจากตลาดรับรู้นโยบายต่าง ๆ ไปมากพอสมควรแล้ว รวมถึงอาจทำให้การดำเนินนโยบายของเฟดมีความไม่แน่นอนมากขึ้นด้วย

ADVERTISMENT

โดยสิ่งที่ต้องจับตามีประเด็น ดังนี้ 1) การปรับขึ้นภาษีนำเข้า 2) นโยบายที่ทรัมป์สามารถทำได้ทันทีผ่าน Executive Orders 3) นโยบายการลดภาษีรายได้ และ 4) การคลังและเพดานหนี้สาธารณะ

“ห้องค้ากสิกรไทยมองว่าประเด็นการขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์จะยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญต่อดอลลาร์สหรัฐต่อเนื่อง แต่ตลาดรับรู้ไปค่อนข้างมากแล้ว ทำให้ผลลบต่อค่าเงินสกุลเอเชีย รวมถึงค่าเงินบาทที่จะได้รับแรงกดดันค่อนข้างมีจำกัด”