
เคทีซี เผยมาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” หนุนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรไตรมาส 1/68 โต 10% หลังคนเร่งตัดสินใจ คาดทั้งปีเติบโตตามเป้า 10% ยอดสเปนดิ้ง 3 หมื่นล้านบาท จากปี’67 มียอดอยู่ที่ 2.9 แสนล้านบาท พร้อมควัก 1,000 ล้านบาท เดินหน้า Digital Transformation องค์กร เร่งย้ายระบบ Core Payment System ใหม่เดือน ก.ย.นี้
นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด หรือ “เคทีซี” เปิดเผยว่า แนวโน้มการใช้จ่ายผ่านบัตร (Spending) ของบัตรเครดิตในไตรมาสที่ 1/2568 คาดว่าจะขยายตัวได้ 10% ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” ที่ลูกค้าสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม-28 กุมภาพันธ์ 2568 สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งช่วยกระตุ้นให้คนหันมาใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงเทศกาลตรุษจีน ประกอบกับเคทีซีทำแคมเปญครอบคลุมทุกหมวดการใช้จ่าย จึงช่วยสนับสนุนการใช้จ่าย

อย่างไรก็ดี อาจจะติดตามยอดการใช้จ่ายในช่วงไตรมาสที่ 2/2568 ว่าจะเป็นอย่างไร เนื่องจากมาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” ทำให้ลูกค้าเร่งการใช้จ่ายเร็วขึ้น เพื่อใช้มาตรการลดหย่อนดังกล่าว ทำให้เคทีซีอาจจะต้องทำแคมเปญในการ กระตุ้นรองรับในช่วงไตรมาสที่ 2 ไว้ด้วย แต่เชื่อว่ายอดการใช้จ่ายยังเติบโตได้ เพราะเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดและการท่องเที่ยว
ดังนั้น ภาพรวมธุรกิจปี 2568 เคทีซีคาดว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งปียังคงเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 10% หรือมียอดใช้จ่ายอยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี 2567 มียอดใช้จ่ายอยู่ที่ 2.9 แสนล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ยังสามารถบริหารจัดการได้
“เราเห็นการใช้จ่ายกลับมาเติบโตเฉลี่ย 9-10% เมื่อเทียบกับฐานปกติในแต่ละเดือน ถือว่าการเติบโตใช้ได้ภายใต้กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวดี ซึ่งมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ถือว่าเข้ามาช่วย ให้คนเร่งตัดสินใจใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งปีคาดว่าเป้าหมายการเติบโต 10% น่าจะทำได้ หรืออาจโตมากกว่าเป้าหมาย หากเศรษฐกิจกลับมาเติบโตดีกว่าคาดการณ์ไว้”
นางพิทยา กล่าวอีกว่า ภายใต้แผนการปรับเปลี่ยน Digital Transformation ภายใต้การลงทุนในปี 2568 อนู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท โดยจะมีการเปลี่ยนระบบ Core Payment System ใหม่ ซึ่งจะมีการย้ายระบบภายในเดือนกันยายน 2568 และในปี 2569 จะช่วยให้เคทีซีสามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีศักยภาพ แม่นยำ และรวดเร็วขึ้น เช่นที่ผ่านมามีเรื่องของ e-Application ที่ลูกค้าสามารถสมัครบัตรได้ตั้งแต่ต้นจนจบ (end to end) และสามารถรู้ผลทันที ซึ่งในปีนี้เคทีซีจะมีการทดลองโมเดลใหม่ ๆ ในการประเมินสินเชื่อในกลุ่มที่ไม่เคยเข้าถึงมาก่อน จึงตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้าบัตรใหม่ 2.5 แสนใบ จากฐานลูกค้าปัจจุบันมีอยู่ 3 ล้านราย
ดังนั้น เคทีซีจึงได้แต่งตั้ง นางวิไลวรรณ นพรัตน์ ดำรงตำแหน่ง ผู้บริหารสูงสุด สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 โดยมีบทบาทในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนกระบวนการงานต่าง ๆ ในองค์กรให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้

นางวิไลวรรณ นพรัตน์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด หรือเคทีซี เผยว่า เคทีซีวางโรดแมปด้านไอทีสำหรับปี 2568-2569 ในการยกระดับศักยภาพบุคลากรและระบบสารสนเทศให้ก้าวล้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องของระบบ Core Payment Platform ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจเราทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านไอทีชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญสูง เพื่อนำนวัตกรรมเทคโนโลยีระดับเวิลด์คลาส ล่าสุดมาใช้แบบ Total Solutions ในการเสริมสร้างความสามารถด้านการจัดการข้อมูล
อีกทั้งช่วยให้การประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัยสูง รองรับการทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่สมาชิกและพันธมิตรทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนให้กับการเติบโตของเคทีซีในอนาคต
สำหรับองค์ประกอบที่จะช่วยผลักดันเคทีซีให้ก้าวสู่องค์กรดิจิทัลอย่างยั่งยืน นอกเหนือจากการลงทุนในเรื่องของเทคโนโลยีแล้ว ยังมีอีก 3 เรื่องสำคัญที่จะต้องทำควบคู่กันไป คือ 1.สร้างบุคลากรให้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ 2.รวมทีมงานที่เชี่ยวชาญสร้างนวัตกรรมตอบโจทย์สมาชิก และ 3.ยกระดับประสบการณ์สมาชิกด้วย AI
1.Citizen Developers : สร้างบุคลากรให้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ การทำ Digital Transformation ให้ประสบความสำเร็จ ปัจจัยที่สำคัญคือ ศักยภาพของคนในองค์กรที่ต้องมีความรู้ความสามารถด้านไอที ไม่เพียงแต่บุคลากรไอทีเท่านั้น แต่ทั้งองค์กรต้องมีแรงขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กัน เคทีซีจึงให้ความสำคัญในการสร้าง Citizen Developers เพื่อให้บุคลากรทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบงาน
โดยใช้เครื่องมือ Low-Code มาปรับใช้ เพื่อช่วยให้บุคลากรในองค์กรปรับปรุงกระบวนการทำงานได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสนับสนุนการเรียนรู้และฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บุคลากรมีทักษะที่พร้อมสำหรับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ
2.Fusion Team : รวมทีมงานที่เชี่ยวชาญสร้างนวัตกรรมตอบโจทย์สมาชิก หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่เคทีซีนำมาใช้ในการทำ Digital Transformation คือการสร้าง “Fusion Team” ซึ่งเป็นทีมงานที่รวมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสายงานมาทำงานร่วมกัน สร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสมาชิก รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กรให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.AI-Powered technology : ยกระดับประสบการณ์สมาชิกด้วย AI-Powered technology ในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มศักยภาพของธุรกิจในการเปลี่ยนถ่ายระบบสารสนเทศที่ใช้อยู่เดิม เคทีซีได้นำเอา AI-Powered Solutions คือ โซลูชั่นที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการทำงานต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค การทำนายผลลัพธ์ การตัดสินใจอัตโนมัติ และการโต้ตอบกับผู้ใช้งาน ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า และสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้ใช้กับธุรกิจได้
“เราคาดว่าการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้กับโครงสร้างการทำงาน (Digital Transformation) ในครั้งนี้ จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ รองรับการเติบโตของเคทีซีในอนาคต”