
ยูโอบีเผยธีมการลงทุนสำคัญปี’68 ยุคทรัมป์ 2.0 แนะนักลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่ไม่ใช่กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ เพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า ชี้หุ้นขนาดเล็กสหรัฐได้รับประโยชน์จากการยกเลิกกฎระเบียบ “กลุ่มการเงิน-เทคโนโลยี-พลังงาน“
นายกิดอน เจอโรม เคสเซล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์เงินฝากและบริหารการลงทุนบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า การกลับมาของทรัมป์และชัยชนะของพรรครีพับลิกันในทั้ง 2 สภา จะยิ่งสนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
ช่วงปีที่ผ่านมาหุ้นขนาดใหญ่ (Mega-Caps) ในสหรัฐเป็นตัวหลักที่ผลักดันผลตอบแทนของดัชนีโดยรวม ในปี 2568 นักลงทุนอาจพิจารณาโอกาสลงทุนในหุ้นอื่น ๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่เพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า เนื่องจากหุ้นเหล่านั้นมีมูลค่าที่ถูกกว่า และมุ่งเน้นตลาดในประเทศมากกว่า
โดยมีการปรับประมาณการผลประกอบการในหุ้นที่ไม่ใช่กลุ่ม “Magnificent Seven” เพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดว่าผลกำไรจะกระจายไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว จะทำให้หุ้นนอกเหนือจากหุ้นขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น เช่น หุ้นขนาดเล็กของสหรัฐ รวมไปถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จากการยกเลิกกฎระเบียบต่าง ๆ ได้แก่ กลุ่มการเงิน เทคโนโลยี และพลังงาน
นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ได้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาคเทคโนโลยี โดยเพิ่มมูลค่าตลาดกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับบริษัทชั้นนำ 5 แห่ง ผู้ได้รับประโยชน์อันดับต้น ๆ เช่น Nvidia ได้รับการปรับเพิ่มประมาณการรายได้ทันทีจากการแข่งขันเพื่อฝึกโมเดลต่าง ๆ ที่ต้องการพลังการคำนวณมหาศาล
อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าผู้นำในอุตสาหกรรมในที่สุดจะขยายไปยังบริษัทที่สามารถเพิ่มมูลค่าผ่านแอปพลิเคชั่น เช่น บริษัทซอฟต์แวร์ เป็นต้น ภาคส่วนที่สำคัญต่อการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพในระยะยาวที่จะมีเห็นยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค เป็นต้น
สำหรับเศรษฐกิจนอกสหรัฐ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับประเทศที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐน้อยลง ในขณะที่จีนยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเงินฝืดและความเสี่ยงจากกำแพงภาษี แม้ว่าตลาดมีการปรับตัวจากปัจจัยเหล่านี้ไปบางส่วนแล้ว รัฐบาลจีนยังสามารถผ่อนคลายและกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มการบริโภคในประเทศได้
แต่จนถึงขณะนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนยังคงดำเนินการด้วยความระมัดระวัง นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในจีนควรมุ่งเน้นไปยังภาคอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งมีความผันผวนต่ำ เน้นการบริโภคภายในประเทศ และจ่ายเงินปันผลสูง
“แนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียยังส่งสัญญาณที่ไม่ชัดเจน แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนจากความตึงเครียดทางการค้าและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่ไม่แน่นอน แต่มูลค่าตลาดหุ้นเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ รายได้ของบริษัทต่าง ๆ ยังมีแนวโน้มแข็งแกร่ง และเมื่อรวมกับความเป็นไปได้ในการออกมาตรการการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มเติมของจีน อาจช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลง
นักลงทุนควรเน้นความคล่องตัวและเชิงรุกในการลงทุนในหุ้นเอเชียและจีนเพื่อคว้าโอกาสและลดความผันผวนของพอร์ตโฟลิโอ หุ้นปันผลคุณภาพสูงของเอเชียยังให้รายได้ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถพิจารณาการกระจายการลงทุนไปเพิ่มเติมในหุ้นอาเซียน” นายกิดอนกล่าว