
บลจ.กรุงไทย คัดสรร 2 กลุ่มกองทุนรวมเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เหมาะสมกับการลงทุนแบบ DCA พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมานักลงทุนส่วนใหญ่มักจะเลือกลงทุนในกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีแบบเป็นก้อนใหญ่ หรือเป็นแบบครั้งเดียวในช่วงปลายปี แต่อาจไม่เหมาะกับนักลงทุนบางท่านที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารการลงทุนอย่างใกล้ชิด จึงอาจทำให้เสียโอกาสการลงทุนที่ดีในช่วงเวลาที่เหมาะสม ประกอบกับสถานการณ์การลงทุนที่ยังคงมีความผันผวนจากปัจจัยต่าง ๆ
จึงได้แนะนำให้นักลงทุนพิจารณาการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือที่มักได้ยินคำว่า “DCA” ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยง และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยคัดสรร 2 กลุ่มกองทุนรวมเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เหมาะสมกับการลงทุนแบบ DCA ประกอบด้วย
กลุ่มกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) แนะนำ 4 กองทุน ได้แก่ (1) กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF2) (ความเสี่ยงระดับ 4) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศที่ผู้ออก/รับรอง/อาวัลมีความมั่นคงและมีความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หุ้นกู้ และตราสารหนี้อื่น ๆ รวมทั้งเงินฝาก โดยมองว่าแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายโลกเป็นขาลงหลังจากที่คงในระดับสูงมานาน ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายในประเทศน่าจะอยู่ในทิศทางทรงตัว และมีโอกาสปรับลดลงในอนาคต ทำให้ผลตอบแทนในประเทศอาจจะปรับไปในทิศทางเดียวกับผลตอบแทนต่างประเทศ
และ (2) กองทุนเปิดกรุงไทยผสมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF1) (ระดับความเสี่ยง 5) มีนโยบายกระจายลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือเงินฝาก จากการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีหลังจากความเสี่ยงหลายด้านคลี่คลายไป รวมถึงการมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นไทย ไม่ว่าจากนักลงทุนต่างชาติ หรือกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากต่างประเทศอย่างทิศทางดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐ และยุโรป ทำให้อาจเริ่มมีเม็ดเงินลงทุนเคลื่อนย้ายเข้าสู่ตลาดเอเชีย และอาเซียน ซึ่งในเชิง Valuation (P/E) ตลาดหุ้นไทยยังถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต
(3) กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-WEQ RMF) (ระดับความเสี่ยง 6) เน้นลงทุนใน AB Low Volatility Equity Portfolio (กองทุนหลัก) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐาน มีความผันผวนต่ำ ที่อยู่ในประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก รวมถึงกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยมองว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะเข้าสู่ภาวะ Soft Landing ขณะที่ดอกเบี้ยเป็นขาลง ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะยังเติบโตต่อไปในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องภาวะถดถอยยังจะปะทุกลับมาเป็นครั้งคราว อาจจะทำให้ตลาดมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเป็นระยะ ๆ
และอีกหนึ่งกองทุนคือ (4) กองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-US RMF) (ระดับความเสี่ยง 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน AB American Growth Portfolio (กองทุนหลัก) โดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทในสหรัฐที่มีขนาดใหญ่ มีแนวโน้มในการเติบโตดี มีคุณภาพสูง โดยมาจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐ ยังเติบโตได้ดี ภาพตลาดแรงงานที่ยังค่อนข้างแข็งแกร่ง ทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาปรับตัวลดลง ผลประกอบการของหลาย Sector ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด แม้ว่า อาจมีความผันผวนจากมาตรการของประธานาธิบดีคนใหม่
สำหรับกลุ่มกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) แนะนำ 2 กองทุน ได้แก่ (1) กองทุนเปิดกรุงไทย ตราสารภาครัฐ ESG (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) (KTESGSI-ThaiESG) (ความเสี่ยงระดับ 3) เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย แต่ไม่รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
และ (2) กองทุนเปิดกรุงไทย ESG A Grade (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) (KTAG-ThaiESG) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ที่มี SET ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยจากปัจจัยที่สนับสนุนตลาดหุ้นไทยข้างต้น อีกทั้ง การลงทุนในกองทุนประเภท ThaiESG ยังเป็นทางเลือกและการลงทุนในระยะยาวในกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล อันจะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดโปรโมชั่นตั้งแต่วันนี้-30 ธ.ค. 2568 นี้ สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน RMF หรือ ThaiESG ที่ร่วมรายการ ทุก ๆ 50,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุน KTSTPLUS 100 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท กำหนด) ศึกษาข้อมูลโปรโมชั่น RMFเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/4j4tQAi และ https://bit.ly/3ZPQlA9 สำหรับ ThaiESG ศึกษาข้อมูลโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/4iM3p29 และ https://bit.ly/4fvRH8Y
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือธนาคารกรุงไทย และผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn
ปัจจัยความเสี่ยงของกองทุนที่สำคัญ : ความเสี่ยงทางตลาด ความเสี่ยงจากความสามารถในการชําระหนี้ของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากการดําเนินงานของผู้ออกตราสาร และความเสี่ยงจากการทําสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง ความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงในเรื่องคู่สัญญาในการทําสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน ความเสี่ยงจากข้อจํากัดการนําเงินลงทุนกลับประเทศ และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนที่คํานึงถึงการดําเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (เฉพาะกลุ่มกองทุน ThaiESG)
คำเตือน กองทุนมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน (ยกเว้น RMF2, KTESGSI-ThaiESG และ KTAG-ThaiESG)
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้/ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF และ ThaiESG และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อาจต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเสียเงินเพิ่ม