
Financial Hub เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่จะเห็นรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ขับเคลื่อนในปี 2568 ผ่านการผลักดันร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. … มี “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกำหนดนโยบายและยกร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงิน เป็นผู้รับผิดชอบนโยบาย
ชิงโอกาสจากสิงคโปร์
ย้อนในช่วงเลือกตั้ง 2566 พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ใช้หาเสียงคือ Blockchain Hub และ Fintech Center ของอาเซียน ของพรรคเพื่อไทย คาดว่าใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท
มีเป้าหมาย จับโอกาสของโลกการเงินยุคใหม่ใส่มือประชาชน และเปลี่ยนโอกาสเหล่านั้นเป็นเงิน สร้างระบบการระดมทุนผ่านเทคโนโลยี Blockchain เพื่อการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้ไทยเป็นผู้นำอาเซียน พัฒนา Central Bank Digital Currency (CBDC) เพื่อรองรับระบบการเงินใหม่ของโลก ช่วงชิงโอกาสศูนย์กลางทางการเงินยุคใหม่จากสิงคโปร์ และภูมิภาค
ต่อมาเมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 19 กรกฎาคม 2567 เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดวิสัยทัศน์ ในงาน Ignite Finance : Thailand’s Vision for a Global Financial Hub เปิดทางนำไทยสู่ศูนย์กลางการเงินโลก เป็นครั้งแรก จากนั้นกระทรวงการคลังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาร่างกฎหมาย
“เราต้องการสร้างประเทศไทยให้เป็นแหล่งพักเงินของภูมิภาค และของโลก นี้คือคีย์เวิร์ดที่สำคัญ เราต้องการให้ไทยเป็น Hotspot ของการเงินระดับภูมิภาค และของโลก และวันนี้กระทรวงการคลังพร้อมแล้วที่จะประกาศวิสัยทัศน์ในการนำประเทศไทย ให้ไปสู่ศูนย์กลางการเงินโลก หรือ Thailand Financial Center อาจจะเรียกสั้น ๆ ว่า TFC”
กระทั่ง 22 สิงหาคม 2567 “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีเปิดวิสัยทัศน์หลังจากกลับเข้าประเทศครบ 1 ปี ว่า การเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก ให้คนศึกษาโมเดลของดูไบ และสิงคโปร์ มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้มีการทำธุรกรรมกับต่างประเทศ เพื่อสร้างเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่เราจะมีข้อได้เปรียบ ให้ธนาคารทั่วโลกเข้ามาลงทุนในไทย และธนาคารไทยก็ไปตั้งในต่างประเทศได้
ข้ามปีมาถึงวันที่ 13 มกราคม 2568 “ทักษิณ” แสดงปาฐกถาพิเศษว่า สิ่งที่ต้องพัฒนาคือ Financial Center ที่ไทยต้องพัฒนาตนเองให้เติบโตเป็น International Financial Center โดยปัจจุบันเรากำลังศึกษากฎระเบียบจากดูไบ ซึ่งอาจจะยังไม่เข้มแข็งมากนัก ส่วนการเงินในประเทศไทย มีการออกกฎหมายใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างเศรษฐกิจ โดยทางกระทรวงการคลังได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียดแล้ว
ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงได้ยกร่างกฎหมายชุดใหม่ 96 มาตรา ในชื่อร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. …. ที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอย่างช้า ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยร่าง พ.ร.บ. มีหลักการสำคัญ ดังนี้
8 ธุรกิจเป้าหมาย
กฎหมายฉบับนี้ ได้กำหนด “ธุรกิจเป้าหมาย” ที่อยู่ใน Financial Hub ไว้ในมาตรา 3 เพื่อต้องการดึงดูดนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ 8 ประเภท ได้แก่ 1.ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ 2.ธุรกิจบริการการชำระเงิน 3.ธุรกิจหลักทรัพย์ 4.ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 5.ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 6.ธุรกิจประกันภัย 7.ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ และ 8.ธุรกิจทางการเงิน หรือธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง หรือสนับสนุนธุรกิจทางการเงินตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจเป้าหมายจะกระทำได้เฉพาะ “บริษัทจำกัด” หรือ “บริษัทมหาชนจำกัด” ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย หรือสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ โดยได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโดยคำแนะนำของสำนักงาน ทั้งนี้ ในการอนุญาต คณะกรรมการจะกำหนดเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ ซึ่งอยู่ในมาตรา 38
ขณะเดียวกัน ยังกำหนด “ลักษณะต้องห้าม” ของกรรมการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และกรรมการผู้มีอำนาจในการจัดการของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของนิติบุคคลที่จะมายื่นคำขอประกอบธุรกิจ จะต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ไว้ในมาตรา 40
อาทิ ห้ามเป็นบุคคลล้มละลาย หรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับการปลอมและการแปลง ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง โกงเจ้าหนี้ ยักยอก หรือรับของโจร ไม่ว่าจะมีการรอการลงโทษ หรือไม่ก็ตาม หรือเคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำ หรือเคยกระทำการอันเป็นการ หรือก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ หรือแสวงหาประโยชน์ส่วนตน หรือพวกพ้อง หรือการเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจใด อันอาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีพฤติกรรมที่แสดงถึงการกระทำอันส่อไปในทางไม่สุจริต
สิทธิประโยชน์
ด้านสิทธิประโยชน์ บัญญัติไว้ในหมวด 5 ระบุว่า ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายภายใต้ Financial Hub จะได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งทางภาษีและมิใช่ภาษีตามที่คณะกรรมการกำหนด เช่น สิทธิในการนำคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรได้ตามจำนวนและระยะเวลาที่สำนักงานอนุญาต แม้ว่าจะเกินกำหนดตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ให้ถือว่าบุคคลดังกล่าวมีถิ่นอยู่ในราชอาณาจักร
สิทธิในการทำธุรกรรมทางการเงิน ให้ถือว่าเป็นบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศภายใต้กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน หรือมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุดเพื่อการประกอบธุรกิจภายใต้การส่งเสริม หรือการอยู่อาศัย โดยได้รับการยกเว้นจากการจำกัดสิทธิของคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
การกำกับดูแลธุรกิจ
หมวด 6 การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจภายใต้การส่งเสริม ได้กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจใน Financial Hub 1.ต้องชักชวน ขายสินค้า โฆษณา หรือให้บริการแก่ Nonresident เท่านั้น เว้นแต่เป็นการดำเนินการการให้บริการในลักษณะเป็นตัวแทน นายหน้า ค้า จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสินทรัพย์ดิจิทัล ในต่างประเทศ และการชักชวน ขายสินค้า โฆษณา หรือให้บริการแก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยในลักษณะอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด
คณะกรรมการมีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจใน Financial Hub ตามที่กำหนด เช่น การกำกับดูแลฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงาน มาตรฐานในการประกอบธุรกิจ การเก็บรักษาและการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือผู้บริโภค การคุ้มครองลูกค้า หรือผู้บริโภค เป็นต้น
ผู้ประกอบธุรกิจใน Financial Hub ต้องมีสถานที่ประกอบธุรกิจเป้าหมายเป็นหลักแหล่งตั้งอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา และมีจำนวนและสัดส่วนของพนักงานคนไทยและคนต่างด้าวในสถานที่ประกอบธุรกิจเป้าหมายตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
และต้องมีการเก็บรักษาเงิน หรือทรัพย์สินของลูกค้า หรือผู้บริโภค และต้องจัดทำบัญชีเงิน หรือทรัพย์สินของลูกค้า หรือผู้บริโภคแยกแต่ละราย ห้ามตั้ง หรือยอมให้บุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๔๐ เป็น หรือทำหน้าที่เป็นกรรมการผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรา 47) และการแต่งตั้งกรรมการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการของผู้ประกอบธุรกิจ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานก่อน
ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจใน Financial Hub จำหน่ายหุ้นจนเป็นเหตุให้บุคคลใดเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน หากฝ่าฝืนจะต้องนำหุ้นในส่วนที่เกินออกจำหน่ายแก่บุคคลอื่น ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับหุ้นนั้นมา และจะจ่ายเงินปันผล หรือผลตอบแทนให้แก่บุคคลนั้นไม่ได้ หรือให้บุคคลนั้นออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นในส่วนที่เกินไม่ได้
หากผู้ประกอบธุรกิจใน Financial Hub ไม่ประกอบธุรกิจ หรือหยุดประกอบธุรกิจ คณะกรรมการอำนาจเพิกถอนการอนุญาต หรือกรณีมีฐานะทางการเงิน หรือการดำเนินงานที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน สำนักงานอาจสั่งให้ผู้แก้ไขให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด หรืออาจเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาเพิกถอนการอนุญาตได้
และในกรณีที่การดำเนินกิจการอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ หรือระบบการเงินของประเทศ หรือประโยชน์ของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ ให้คณะกรรมการสั่งระงับการดำเนินกิจการ หรือเพิกถอนการอนุญาตได้
ตั้งบอร์ดกำกับ-ส่งเสริม
ขณะเดียวกัน ในหมวด 1 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน กำหนดให้มี “คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน” ขึ้นมาทำหน้าที่ อาทิ กำหนดนโยบายเพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน กำหนดแนวทางส่งเสริมธุรกิจเป้าหมาย การให้สิทธิประโยชน์ กำหนดธุรกิจทางการเงิน หรือธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง หรือสนับสนุนธุรกิจทางการเงินอื่นให้เป็นธุรกิจเป้าหมาย กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียม
มีองคาพยพคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ และกรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน 8 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน แต่ไม่เกิน 5 คน โดยในจำนวนนี้อย่างน้อยต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ด้านกฎหมายทางการเงิน และด้านบัญชีด้านละหนึ่งคน ให้ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินเป็นกรรมการและเลขานุการ โดยให้รัฐมนตรีเสนอชื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาแต่งตั้ง
ขณะเดียวกัน ให้มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน โดยมีวัตถุประสงค์ 1.ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน และพัฒนาระบบการให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร 2.ส่งเสริมให้มีการประกอบธุรกิจเป้าหมายในประเทศไทย
3.ส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญจากผู้ประกอบธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย 4.กำกับดูแลการประกอบธุรกิจเป้าหมาย เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ สำนักงานเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลและไม่เป็นส่วนราชการ
เร่งผลักดันให้เร็วที่สุด
เผ่าภูมิกล่าวว่า ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินไทยที่พัฒนามากกว่าหลายประเทศในภูมิภาค การพัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคจะดึงดูดธุรกิจทางการเงินต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทย ทำให้แรงงานที่มีทักษะด้านการเงินจากต่างประเทศเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น เกิดการพัฒนาธุรกิจทางการเงินในไทย เกิดการจ้างงานในประเทศ เกิดการถ่ายทอดทักษะและเทคโนโลยีแก่แรงงานไทย
“รัฐบาลจึงมีนโยบายที่ชัดเจนที่จะผลักดันให้ Financial Hub เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. อย่างช้าต้นเดือกุมภาพันธ์ 2568”