
ประธานบอร์ด ก.ล.ต. ชี้แผนยุทธศาสตร์ 3 ปี ต้องมุ่งเน้นการสร้างความคล่องตัว พร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งพัฒนากฎกติกา-ดำเนินคดีให้รวดเร็วขึ้น
ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ประธานกรรมกานกรรมการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี ของ ก.ล.ต. ว่าจุดหลักสำคัญที่จะทำให้แผนยุทธศาสตร์เป็นจริงได้นั้น จะอยู่ที่การขับเคลื่อนโดยสิ่งที่ได้มุ่งเน้นในการทำงานช่วงที่ผ่านมา คือการสร้างความคล่องตัว (Agility) ในเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องทำงานให้ทันเหตุการณ์
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินการ ทั้งการสร้างธรรมาภิบาลในตลาดทุนผ่านมาตรการต่าง ๆ ที่มีอย่างต่อเนื่อง การพัฒนากฎกติกาให้เป็นมาตรฐาน สามารถตรวจสอบ ป้องกันและลดความเสียหายได้ เช่น การจัดทำเกณฑ์การจำนำหุ้นที่จะออกมาในเร็ว ๆ นี้
“ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่ทางคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้เน้นย้ำคือการพัฒนากฎกติกาไม่ว่าด้านใด จำเป็นเร่งทำให้เร็วที่สุด และในเร็ว ๆ นี้คงมีเรื่องการปรับกติกาในการเปิดเผยการจำนำหุ้นที่กำลังเป็นประเด็นและเกิดขึ้นในปัจจุบันด้วย”
สำหรับการดำเนินการด้าน Trust & Confidence ยังมีเป้าหมายสำคัญคือ ความยุติธรรม (๋Justice) ซึ่งต้องไม่ล่าช้า โดยใน 6 เดือนที่ผ่านมา ก.ล.ต ได้มีการปรับเปลี่ยนและพบว่ามีคดีที่สามารถดำเนินการไปได้รวดเร็วมากขึ้น จากตัวเลขคดีที่ดำเนินการในช่วงระหว่างปี 2566-2567 ต่างกันถึง 3 เท่า ดังนั้นความสามารถที่ทำให้งานของ ก.ล.ต. ดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น มองว่าเป็นจุดที่มีความสำคัญ ซึ่งจะส่งผลต่อเรื่องระยะเวลาของการดำเนินคดีด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการดำเนินคดีในช่วงที่ผ่านมาจะมีการดำเนินการได้เร็วขึ้น แต่ยังเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้รวดเร็วกว่านี้ได้ ผ่านการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้ทางกฎหมายที่จะเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ รวมถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินการสอบสวนการกระทำผิดได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพและสร้างความน่าเชื่อถือต่อตลาดทุนไทย
ศาสตราจารย์ ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ให้ความสำคัญกับกระบวนการที่สังเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ เช่น การศึกษาแนวโน้มและนโยบายตลาดทุนของต่างประเทศ ความสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล การทำวิจัยเชิงลึก และการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วนได้ใช้ประโยชน์จากตลาดทุนตามเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. รวมทั้งเพื่อให้ผู้ร่วมตลาด ตลอดจนผู้ลงทุนและประชาชน ได้เห็นทิศทางในการกำกับดูแลและกำหนดนโยบายในการพัฒนาตลาดทุนในระยะ 3 ปีข้างหน้า

ซึ่ง ก.ล.ต. มุ่งหมายขับเคลื่อนแผนดังกล่าว โดยร่วมมือกับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความสมดุลและสอดรับกับบริบทของประเทศ อันจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการส่งเสริมความเชื่อมั่นและความเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศต่อไป”
สำหรับแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ปี 2568-2570 มีเป้าหมายหลัก 5 ด้าน ได้แก่
(1) ตลาดทุนได้รับความเชื่อมั่น (Trust & Confidence)
(2) ตลาดทุนเป็นแรงขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Technology)
(3) ตลาดทุนเป็นกลไกสู่ความยั่งยืน (Sustainable Capital Market)
(4) ผู้ลงทุนมีสุขภาพทางการเงินที่ดี (Long-term Investment)
(5) ศักยภาพในการดำเนินการตามพันธกิจ (SEC Excellence)
“เป้าหมายทั้ง 5 ด้าน เป็นเป้าหมายที่ยกต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมา เพราะยังสอดคล้องกับพันธกิจของ ก.ล.ต. ทั้งด้านการกำกับดูแลและการพัฒนา แต่ในปีนี้มีการปรับน้ำหนักเป้าหมายในแต่ละด้านให้สมดุลกันมากขึ้น เพื่อให้แผนงานมีความต่อเนื่องและสอดรับระหว่างเป้าหมายแต่ละด้านได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น” เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าว