
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ตลาดจับตานโยบายทรัมป์ หลัง Fed คงดอกเบี้ยตามคาด พร้อมส่งสัญญาณว่า “ไม่รีบร้อน” ในการปรับนโยบายการเงิน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ (30/01) ที่ระดับ 33.75/77 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (29/01) ที่ระดับ 33.75/77 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ดินปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (29/01) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมครั้งล่าสุด และไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25%-4.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยแถลงการณ์ของเฟดระบุว่า อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และภาวะตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
ทางด้านเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า เฟดไม่รีบร้อนในการปรับนโยบายการเงิน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่านโยบายการเงินของเฟดอยู่ในสถานะที่เหมาะสมในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญอยู่
นอกจากนี้ พาวเวลล์กล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่านโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลอย่างไร และเฟดจะต้องใช้เวลาในการประเมินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
แถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดและการแสดงความเห็นของพาวเวลล์ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้า ขณะที่แมทเธียส ไชเบอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Allspring Global Investments คาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนการประชุมเดือน พ.ค. และคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้งในปีนี้
ด้านปัจจัยภายในประเทศ คลังเผยสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือน ธ.ค. 2567 ได้รับปัจจัยหนุน “การส่งออก-ท่องเที่ยว” ขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี บริโภคภาคเอกชนสินค้าคงทนยังคงชะลอตัว ทั้งพร้อมจับตาภาคการผลิตอุตสาหกรรม นโยบายเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างใกล้ชิด
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนธันวาคม 2567 ว่า “สถานการณ์เศรษฐกิจไทยนเดือนธันวาคม 2567 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 สอดคล้องกับการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนยังคงชะลอตัว ทั้งนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ของภาคการผลิตอุตสาหกรรมและนโยบายเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป”
นอกจากนี้ แนวโน้มเงินเฟ้อในหลายประเทศที่ยังคงชะลอลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในหลายประเทศ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป โดยในวันนี้ การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอยู่ในกรอบระหว่าง 33.71-33.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.71/72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (30/01) ที่ระดับ 1.0420/24 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (29/01) ที่ระดับ 1.0404/06 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร จากการประชุมประจำปี 2025 ของ World EconomicForum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ช่วงวันที่ 20-24 มกราคม 2525
หัวข้ออภิปรายด้าน “การค้า” ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากประเด็นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงปีหลัง ๆ มานี้
โดยมารอส เซฟโควิช (Maros Sefcovic) กรรมาธิการด้านการค้าของสหภาพยุโรป หรืออียู (EU) ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการแสวงหาพันธมิตรและคู่ค้าใหม่ ๆ และได้ยกตัวอย่างข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรปกับเมอร์โคซูร์ (EU-mercosur Partnership Agreement) การยกระดับความร่วมมือระหว่างอียูกับเม็กซิโก และการที่อียูกลับมาเจรจาการค้ากับอินเดียและมาเลเซียอีกครั้ง
นอกเหนือจากนั้น นักลงทุนรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 30 ม.ค. ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่มีมุมมองว่า ECB จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 3 ครั้ง หรือ 0.75% สู่ระดับ 2.00% ในปีนี้ โดยค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0400-1.0428 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0405/07 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
ส่วนค่าเงินเยนเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (30/01) ที่ระดับ 154.54/55 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (29/01) ที่ระดับ 155.37/38 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดจับตาดูตัวเลข Tokyo Core CPI ประจำเดือนธันวาคมที่จะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนอยู่ในกรอบระหว่าง 154.28-155.24 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 154.50/51 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขเศษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ของสหรัฐ ได้แก่ ประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐอเมริกา (30/01), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ (30/01), ยอดขายที่อยู่อาศัยที่ปิดการขายของสหรัฐ ประจำไตรมาสที่ 4 (30/01), ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของโตเกียว (31/01), ดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนี (31/01), ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐ (31/01), ดัชนีอัตราค่าจ้างแรงงานของสหรัฐ (31/01)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -5.6/-5.55 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -3.2/-2 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ