
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินหุ้นไทยวันนี้ เคลื่อนไหว Sideways Down แนวรับ 1,325 จุด แนวต้าน 1,345 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้จะเป็นสัญญาณที่ดี จับตาตัวเลข PCE ของสหรัฐ หุ้นแนะนำวันนี้ ERW, BBL
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่า SET แม้ยังไม่มีสัญญาณกลับตัว แต่เคลื่อนไหว Sideways Down ซึ่งแสดงถึงอัตราเร่งในการปรับตัวที่ลดลง และเข้าใกล้แนวรับสำคัญบริเวณ 1,325-1,330 จุด ซึ่งมองเป็นจุดลุ้นฟื้นตัวกลับได้ ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1,345-1,350 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณที่ดี ประเด็นสำคัญวันนี้ ติดตามตัวเลข PCE ของสหรัฐ
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยยังมีแนวต้านสําคัญที่บริเวณ 1,400 จุด ทั้งนี้แม้ตลาดยังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ แต่ช่วงที่ผ่านมา (YTD) ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงจน Underperform ตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งมองสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ขณะที่ปัจจัยภายนอกยังคงมองภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยจะมีท่าทีดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการ 4Q67 ของ บจ.ในสหรัฐมีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่ง
ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps สู่ 2.75% ขณะที่ FED คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.25-4.50% อีกทั้งปัจจัยภายในประเทศคาดการเข้าสู่บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีนและการแจกเงินหมื่นเฟสสองให้แก่ผู้สูงอายุจะเข้ามาช่วยกระตุ้น
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เผยประมาณการครั้งแรกของเศรษฐกิจสหรัฐ 4Q67 ขยายตัว 2.3% QOQ ต่ำกว่าตลาดคาดไว้ และชะลอตัวจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 3.1% QOQ
• ECB มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps สู่ระดับ 2.75% เป็นไปตามที่ตลาดคาด เป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ มิ.ย. 2567 ระบุเงินเฟ้อกำลังปรับตัวลงต่อเนื่อง และคาดว่าจะกลับสู่เป้าหมาย 2% ในปีนี้
• สศค.คาดการณ์ GDP ปี’68 มีความเป็นไปได้สูงที่จะขยายตัวได้ถึง 3.5% โดยกรอบการขยายตัวปีนี้อยู่ที่ 2.5-3.5% และมีค่ากลางเฉลี่ยที่โต 3% ได้รับปัจจัยบวกจากการบริโภคภาคเอกชน, การส่งออก, การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐและเอกชน
• รมว.คลังคาดความคืบหน้าการจัดกองทุนโครงสร้างพื้นฐานจะดำเนินการเสร็จทันภายในปีนี้ เพื่อนำมาใช้เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาททุกสายของรัฐบาล ขนาดของกองทุนจะราว 3 แสนล้านบาท ซึ่งจะเข้าไปซื้อเฉพาะในส่วนทรัพย์สินที่เอกชนลงทุน
• รมว.คลังเผยกระทรวงการคลังเตรียมออกโทเค็นดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Stablecoin) โดยใช้พันธบัตรรัฐบาลเป็นแบ็ก หนุนประชาชนรายย่อยเข้าถึงการลงทุน โดยวงเงินเบื้องต้นอยู่ที่ 1 หมื่น ลบ. คาดจะเห็นความชัดเจนในปี 2568
• บจ.โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย เผยยอดขายรถยนต์ในไทยปี 2567 อยู่ที่ 572,675 คัน ลดลง 26.2% YOY ขณะที่ปี 2568 คาดยอดขายที่ 6 แสนคัน เพิ่มขึ้น 5% YOY โดยแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะยังคงอยู่ในสภาวะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน
มอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,400 จุด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐจะเริ่มมีผลบังคับใช้ เช่น นำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุในวันที่ 27 ม.ค.นี้ แนะนำกลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO CPALL TNP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT AOT)
2.นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูง ซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP KTB BBL PTT
3.หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้น สะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YOY และ QOQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA AWC AU ERW
4.Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรในหุ้น Mid-Small Cap. ที่ราคาหุ้นปรับลง YTD มากกว่าตลาด แต่ 4Q67 และปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตดีและมีฐานะการเงินแกร่ง เลือก AMATA AU BCH BLA TIDLOR
หุ้นแนะนำวันนี้
ERW : มองเป็นโอกาสซื้อเก็งกําไร หลัง 4Q67 คาดกําไรปกติจะทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 305 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% YOY และ 145% QOQ ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า อีกทั้งปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวลดลง 27% ในปี 2567 และ 11% YTD สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และ Valuation ต่ำกว่าค่ากลางของกลุ่มอยู่ 23% ซึ่งบ่งชี้ถึงความคาดหวังที่ต่ำของตลาด
BBL : มองมีโอกาสที่จะมีการปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น ขณะที่ Valuation ยังถูกสุดในกลุ่มธนาคาร โดยซื้อขาย PER และ PBV ปี 2568F ต่ำสุดที่ 6.2x (เทียบค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 8x) และ 0.48x (เทียบค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 0.8x) ตามลำดับ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำสุดในกลุ่ม