รู้จัก ‘บัญชีม้า’ แหล่งฟอกเงินมิจฉาชีพ ที่มาพร้อมกับบทลงโทษราคาแพง

ปปง บัญชีม้า

ทำความรู้จัก บัญชีม้า ปัญหาหนักอกคนไทยพอ ๆ กับคอลเซ็นเตอร์ เผยวิธีจับไต๋กลกวงเปิดบัญชี พร้อมบทลงโทษสำหรับผู้รับเปิดบัญชีให้มิจฉาชีพทั้งจำทั้งปรับ และอัพเดตจาก ธปท.ยกระดับกวาดล้างบัญชีม้า

บัญชีม้าเป็นปัญหาที่น่าหนักใจพอ ๆ กับคอลเซ็นเตอร์ และสร้างความรำคาญและความเดือดร้อนให้กับไทยจำนวนไม่น้อยให้ต้องคอยกังวลถึงความปลอดภัยในทรัพย์สินของตนเองที่หามาอย่างยากลำบาก รวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่ต้องระมัดระวังไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางผิด

ถึงแม้ว่าจะระวังเท่าไหร่ แต่ด้วยการควบคุมที่ไม่รัดกุมก็อาจทำให้มิจฉาชีพใช้ช่องทางเหล่านี้ในการก่อเหตุได้ ซ้ำร้าย ด้วยความเป็นบัญชีที่ตรวจสอบได้ยากถึงต้นตอเบื้องหลัง การต่อสู้กับมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบนี้ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก

ประชาชาติธุรกิจ พาไปรู้จัก บัญชีม้า คืออะไร เผยไต๋กลลวงของมิจฉาชีพ บทลงโทษของการรับเปิดบัญชีม้าให้กับมิจฉาชีพ

บัญชี (หน้า) ม้า

‘บัญชีม้า’ เป็นคำเรียกบัญชีที่ถูกเปิดเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง อาทิ การนำไปใช้ทำเรื่องผิดกฎหมาย หรือเอาไว้ใช้สำหรับถ่าย เท หรือใช้ในการฟอกเงิน โดยผู้้ที่ถือครองบัญชีมักจะไม่ใช่เจ้าของตัวจริง แต่จะเป็นของมิจฉาชีพที่นำไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นการโอน รับโอน หรือชำระเงิน ซึ่งการมีบัญชีม้าจะสามารถช่วยปิดบังตัวตนที่แท้จริงของผู้ดำเนินธุรกรรมได้

จากวิธีการจ้างวานประชาชนคนทั่วไปให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร หรืออีกวิธีคือ การสวมรอยเป็นเจ้าของบัญชีซะเอง ด้วยการขโมยข้อมูลส่วนตัว อาทิ ชื่อ, นามสกุล, เบอร์โทรศัพท์ และหมายเลขบัตรประชาชน แล้วนำไปเปิดบัญชีบนช่องทางออนไลน์ โดยเหยื่อส่วนใหญ่มักจะอยู่ในช่วงวัยรุ่น หรือผู้สูงอายุ

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วบุคคลธรรมดาจะไม่เปิดบัญชีม้า แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม ‘มิจฉาชีพ’ เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง เป็นเหตุให้กลลวงมิจฉาชีพแทบทุกรูปแบบจึงมักจะมีการใช้บัญชีม้าประกอบด้วยเสมอ

ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งประเทศไทยนิยามความหมายบัญชีม้าไว้ว่า เป็นบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลอื่น ที่นำมาใช้เป็นช่องทางการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น การถ่ายโอนเงิน การรับเงินการโอนเงิน ซึ่งเงินที่ได้มาจากการกระทำผิด โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงมาถึงตัวผู้กระทำผิดได้

ADVERTISMENT

การเปิดบัญชีม้าเป็นการจ้างให้บุคคลอื่นมาเปิดบัญชีแทน หรือรับซื้อบัญชีเงินฝากธนาคารของบุคคลทั่วไป มีการขายบัญชีเงินฝากธนาคารอย่างเปิดเผย ตั้งแต่ราคา 800 ถึง 20,000 บาท โดยผู้ที่จะขายบัญชีจะต้องมีการส่งมอบเอกสาร เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ซิมการ์ดโทรศัพท์ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของบัญชีไปผูกกับ Mobile Banking และทำธุรกรรมออนไลน์ได้ทันที

กลลวงของ ‘มิจ’

ปัจจุบันบัญชีม้าถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการฉ้อโกง การพนัน ยาเสพติด และความผิดอื่น ๆ กรณีที่พบเห็นมากที่สุด คือ การหลอกให้กู้ยืมเงินผ่านแอปพลิเคชั่นเงินกู้ต่าง ๆ และผ่านช่องทางแอปพลิเคชั่นไลน์

รวมไปถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรศัพท์มาหลอกลวง หว่านล้อม ให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และทำการโอนเงินไปยังบัญชีม้าของมิจฉาชีพ

มิจฉาชีพส่วนใหญ่มักมีกลอุบายในการโกงและทำงานกันเป็นขบวนการ ส่วนใหญ่มิจฉาชีพมักมีบัญชีม้าหลายบัญชี เพื่อใช้การโอนเงินส่งต่อกันเป็นทอด ๆ แลพอาจมีการส่งต่อมากกว่า 4-5 บัญชี เพื่อป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบของตำรวจหรือการถูกอายัดเงิน

จับไต๋มิจลวงเปิดบัญชี

หลายครั้งมิจฉาชีพมักเข้ามาด้วยการแอบอ้างเป็นหน่วยงานรัฐหรือเอกชน ทำให้หลายคนตกหลุมพรางแล้วตามที่มิจฉาชีพบอกด้วยความกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีตามที่ถูกข่มขู่ อาทิ การถูกสั่งให้โอนเงินมาเพื่อตรวจสอบต่าง ๆ มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ซึ่งหากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วจะพบว่า หน่วยงานราชการและเอกชนส่วนใหญ่มักจะมีการส่งหนังสือหรือเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรมาชี้แจงด้วยเสมอ หากเกิดเหตุการณ์ต้องสงสัยขึ้นกับทรัพย์สินหรือเงินของบุคคลใดก็ตาม และที่สำคัญหากต้องมีการโอนเงินหรือทำธุรกรรมทางการเงินอื่น ๆ บัญชีที่ใช้ก็มักเป็นบัญชีของหน่วยงาน ไม่ใช่บัญชีบัญชีส่วนบุคคล

ดังนั้น การจับสังเกตบัญชีม้าจึงสามารถใช้เป็นทริกในการจับกลลวงของมิจฉาชีพได้ เพราะถึงแม้จะมีการแอบอ้างเป็นหน่วยงานใดก็ตาม บัญชีม้าที่เหล่ามิจฉาชีพใช้กันนั้นมักจะเป็นบัญชีส่วนบุคคลเสมอ

รับเปิดบัญชี-ซิมม้า มีความผิด

พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ระบุว่า เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้ที่เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์

ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จากที่กล่าวข้างต้น ทำให้การจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของตำรวจ จึงต้องมีการระงับการรับจ้างเปิดบัญชีม้า เพื่อให้มิจฉาชีพทำงานได้ยากขึ้น

การระงับการเปิดบัญชีม้านั้น สามารถทำได้ผ่านการเอาผิดทางกฎหมาย เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายสนับสนุนให้เกิดการกระทำผิดฐานฉ้อโกงบุคคลอื่น จึงเป็นความผิดที่เข้าข่าย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุกสิบปีหรือถูกปรับเงินสองแสนบาท และอายัดทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อชดใช้ความผิดที่ได้ร่วมกระทำ

ธปท. ยกระดับกวาดล้าง

ล่าสุด ธปท.ได้มีการยกระดับมาตรการเชิงป้องกัน 3 ด้าน โดยจะมีการเพิ่มความเข้มข้นและขยายผลการจัดการบัญชีม้าต้องสงสัย เพื่อให้ธนาคารสามารถดำเนินการได้เชิงรุกในการป้องกันความเสี่ยง และแก้ปัญหาภัยทางการเงิน ได้แก่

1. การกวาดล้างบัญชีม้า โดย ธปท.จะมีการเพิ่มเฉดสีของม้าในส่วนของสีเทาเข้มและอ่อน และน้ำตาลเข้มและอ่อน แม้ว่าไม่มีผู้เสียหาย แต่ธนาคารเห็นพฤติกรรมน่าสงสัยจะช่วยป้องกันความเสียหายของเหยื่อ และกวาดล้างบัญชีม้าได้วงกว้างมากขึ้น

2. Action เข้มข้น ภายในวันที่ 31 มกราคม 2568 จะดำเนินการ “ปิดปากม้า” ซึ่งจะเป็นวันแรกที่ให้ทุกสถาบันการเงินห้ามทำธุรกรรม หรือห้ามโอนเงินเข้าบัญชีต้องสงสัยเป็นบัญชีม้า โดยหากเป็นบัญชีต้องสงสัยจะไม่สามารถโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวได้ และธนาคารจะมีการส่งแจ้งเตือนถึงผู้ใช้บริการทางการเงิน

ซึ่งปัจจุบันทำได้บางแห่ง แต่คาดว่าการเตือนจะสามารถทำได้ทุกธนาคารภายในเดือนมีนาคม 2568 และบัญชีม้าเทาเข้ม-เทา ภายในเดือนมีนาคมจะสามารถปิดปากม้า “กันเงินเข้า” ได้เช่นกัน รวมถึงม้านิติจะทำเข้มข้นมากขึ้น

3. ขยายวงตรวจจับบัญชีม้า โดยสถาบันการเงินร่วมกันแชร์ข้อมูลบัญชีม้า และบัญชีต้องสงสัยร่วมกันทั้งระบบได้ เพื่อให้เห็นบัญชีต้องสงสัยทั้งระบบร่วมกัน จากเดิมที่ธนาคารไม่สามารถแชร์ข้อมูลร่วมกันได้ เหล่านี้เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากบัญชีม้าในอนาคต

นอกจากนี้กว่า 75% ของเคสที่มีความเสียหายเกิดขึ้น พบว่า มีเส้นทางถูกโอนไปบัญชี ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ เพื่อสกัดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที ซึ่งอาจมีการติดรหัสเป็นบัญชีต้องสงสัย หรือนำไปสู่การสั่งระงับ การห้ามโอนเงินออกได้ เพื่อป้องกันเงินไหลออกนอกระบบ หรือไหลออกไปต่างประเทศ โดยจะมีการแชร์ข้อมูลภายในไตรมาส 1/2568

ข้อมูลจาก สมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย