สินเชื่อบ้านแลกเงินแรงไม่ตก “ทิสโก้” ลงสนามชิงเค้กใช้สาขา “สมหวังฯ”

ตลาดสินเชื่อบ้านแลกเงินปี’68 ยังฮอต “ธนาคารทิสโก้” ลงสนามชิงเค้กภายใต้ชื่อ “สินเชื่อโฉนดแลกเงิน” เน้นเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทาง “สมหวัง เงินสั่งได้” โฟกัสปล่อยกู้วงเงินไม่สูง ขีดเส้น LTV เฉลี่ย 50% ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 100 ล้านบาท/เดือน ฟาก “กสิกรไทย” ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อบ้านแลกเงินปีนี้โตสูงกว่าตลาดที่คาดว่าจะโตได้ 8-10%

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภายในปี 2568 ธนาคารจะเริ่มทำสินเชื่อบ้านแลกเงิน หรือสินเชื่อโฉนดแลกเงิน จากเดิมที่ธนาคารไม่มีนโยบายทำสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) แต่จะเน้นสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นหลัก เช่น รถยนต์ และจักรยานยนต์ เป็นหลัก เพราะมีสภาพคล่องสูง แม้ว่าลูกค้ามีปัญหาก็สามารถยึดรถและขายได้เร็ว

“ในส่วนของที่อยู่อาศัยธนาคารมีพอร์ตค่อนข้างน้อย โดยหลังจากเข้าซื้อพอร์ตธุรกิจของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ไทย มาเมื่อปี 2550 ซึ่งมีพอร์ตอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันเหลือ 7,000 ล้านบาท ธนาคารมองว่าปัจจุบันมีลูกค้าที่มีความต้องการสินเชื่อ และต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย และแบงก์เองก็ต้องการปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จึงจะเริ่มทำสินเชื่อบ้านแลกเงิน”

เบื้องต้นสินเชื่อบ้านแลกเงินหรือสินเชื่อโฉนดแลกเงิน ลูกค้าจะต้องนำที่อยู่อาศัย เช่น ที่ดิน ที่ดินเปล่าพร้อมสิ่งปลูกสร้าง คอนโดมิเนียม เป็นต้น มาทำสัญญาจำนองกับธนาคาร ซึ่งระยะแรกธนาคารจะให้วงเงินต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ไม่สูง เฉลี่ยอยู่ที่ 50% เช่น ราคาประเมิน 1 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อจะอยู่ที่ 5 แสนบาท แต่วงเงินที่เสนอให้ลูกค้าจะอยู่ที่ราว 1-2 ล้านบาท

สำหรับค่างวดและระยะเวลาการผ่อนชำระจะขึ้นกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าเป็นหลัก จะมีการพิจารณาเป็นไปตามเกณฑ์การปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) และสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) จะต้องไม่เกิน 50-60% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (น็อนแบงก์) ได้ โดยอัตราดอกเบี้ยในระบบจะเฉลี่ยอยู่ที่ 18-22% ต่อปี ซึ่งทิสโก้จะกำหนดที่ 9.99-12% ต่อปี

นายศักดิ์ชัยกล่าวว่า สินเชื่อบ้านแลกเงิน จะทำผ่านสาขา “สมหวัง เงินสั่งได้” แต่ธนาคารทิสโก้จะเป็นผู้อนุมัติสินเชื่อ โดยเบื้องต้นจะเน้นฐานลูกค้าสมหวัง เงินสั่งได้ และเลือกปล่อยสินเชื่อเริ่มแรกในพื้นที่ 80 แห่ง ตามหัวเมืองใหญ่ จากเดิมจะเน้นปล่อยสินเชื่อเฉพาะกรุงเทพฯ-ปริมณฑลเท่านั้น

ADVERTISMENT

“จากที่ได้เริ่มทดลองทำตลาดมาแล้ว 1 ปี ธนาคารสามารถอนุมัติสินเชื่อได้ราว 40-50 ล้านบาทต่อเดือน คาดว่าหลังจากขยายพื้นที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านบาทต่อเดือนได้”

นายณัฐพล ลือพร้อมชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีหลักประกัน (บ้านแลกเงิน) ของระบบธนาคารพาณิชย์ จะขยายตัวได้ดีกว่าสินเชื่อบ้าน โดยคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ 8-10% จากตัวเลขช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 ยอดสินเชื่อบ้านแลกเงินอยู่ที่ 5.44 หมื่นล้านบาท และปี 2566 อยู่ที่ 5.93 หมื่นล้านบาท ส่วนสินเชื่อบ้านช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ 2.92 แสนล้านบาท และปี 2566 อยู่ที่ 2.68 แสนล้านบาท

ADVERTISMENT

“จากแนวโน้มตลาดที่ยังมีโอกาสเติบโตเมื่อเทียบกับสินเชื่อบ้านใหม่ที่ยังต้องรอจังหวะเวลาการฟื้นตัวอีกสักระยะหนึ่ง ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจหรือสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้เข้ามาเล่นตลาดสินเชื่อบ้านแลกเงินให้ความสนใจมากขึ้น และส่วนหนึ่งมาจากอัตราผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีกว่าสินเชื่อบ้านใหม่เฉลี่ยกว่า 2 เท่าโดยประมาณ”

นายณัฐพลกล่าวว่า ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยเน้นทำตลาดสินเชื่อบ้านแลกเงินมานานแล้ว โดยปีที่ผ่านมาก็มีอัตราการเติบโตกว่าตลาดโดยรวม ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งครอบคลุมทั้งลูกค้ามนุษย์เงินเดือนและผู้ประกอบการ ขณะที่ในปี 2568 ธนาคารยังคงตั้งเป้าเติบโตสูงกว่าตลาด เนื่องจากธนาคารมีฐานลูกค้าที่มีศักยภาพและมีความต้องการสินเชื่ออยู่

“ปีนี้ก็คงจะดูแลลูกค้าปัจจุบันของธนาคารที่มีความสามารถในการผ่อนชำระและมีความจำเป็นในการใช้เงินก้อนให้เข้าถึงสินเชื่อนี้ด้วยความสะดวกสบาย โดยในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ค่อนข้างต่ำ ไม่มีสัญญาณใดที่จะน่ากังวล เพราะเราค่อนข้างระมัดระวังในการพิจารณา และนำเสนอเฉพาะลูกค้าที่มีความพร้อม เนื่องจากไม่ต้องการให้สินเชื่อเป็นภาระหรือสร้างปัญหาแก่ลูกค้าในระยะยาว”