หุ้นไทยใกล้จบรอบปรับฐาน เฟดขึ้นดอกเบี้ย ชี้ กนง.ยืน 1.50%

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ชี้ตลาดหุ้นรับรู้ข่าวเฟดขึ้นดอกเบี้ย มิ.ย.ล่วงหน้าแล้ว ด้านความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาดีขึ้น แรงส่งเศรษฐกิจแจ่ม-รัฐลงทุน-บจ.กำไรโตดี ส่งซิกตลาดหุ้นใกล้จบรอบปรับฐานแล้ว แรงขายต่างชาติซาลง ลั่น กนง.คงดอกเบี้ย 1.50% ในรอบประชุม 20 มิ.ย.นี้ คาดดัชนีหุ้นแตะ 1,749 จุด ภายในเดือน มิ.ย.นี้

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ส.ค. 61) ปรับตัวลงเล็กน้อย 1.07% มาอยู่ที่ระดับ 91.66 ถือว่าอยู่ในภาวะทรงตัว (neutral) เป็นเดือนที่สองต่อจากเดือนก่อนที่อยู่ระดับ 92.65 โดยนักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ที่มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 1/61 ขยายตัวอยู่ที่ 4.8% ส่วนการลงทุนภาครัฐกลับมาเพิ่มขึ้นในระดับ 4.4% ขณะที่นักลงทุนให้น้ำหนักปัจจัยทางการเมืองและความชัดเจนการกำหนดวันเลือกตั้งของไทย รวมถึงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยที่ทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการพิจารณาดอกเบี้ยนโยบายของไทยในระยะต่อไป

“ขณะที่การประชุมของเฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) รอบเดือน มิ.ย.นี้ น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่ว่าตลาดตอบรับประเด็นนี้ไปพอสมควรแล้ว ความเชื่อมั่นนักลงทุนเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นตามลำดับ สะท้อนการปรับฐานตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ภาวะใกล้จบลงแล้ว ขณะที่แรงขายต่างชาติเริ่มซาลง หากตลาดหุ้นไทยสามารถสร้างโมเมนตัมเศรษฐกิจในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง น่าจะเริ่มเห็นเม็ดเงินต่างชาติไหลกลับเข้ามามากขึ้น” นายไพบูลย์กล่าว

ขณะที่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ (โดนัลด์ ทรัมป์) กับผู้นำเกาหลีเหนือ (คิม จอง อึน) ที่จัดขึ้นในประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 61 โดยเฉพาะประเด็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์เพื่อสร้างสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีอย่างถาวร นายไพบูลย์กล่าวว่า ส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น เพราะนักลงทุนให้น้ำหนักค่อนข้างน้อย

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในระยะสั้นยังคงแกว่งตัว sideways และมีโอกาสกลับขึ้นไปยืนที่ 1,749 จุด ภายในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งปี ดัชนีมีโอกาสยืนอยู่ที่ 1,860 จุด โดยคาดดัชนีต่ำสุดระหว่างปีมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,686 จุด ส่วนจุดสูงสุด 1,877 จุด ได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจภายในประเทศ และคาดการณ์ผลประกอบการ บจ. ปีนี้โต 11%

อริยา ติรณะประกิจ

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า หากเฟดมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือน มิ.ย.นี้ จะทำให้นักลงทุนยังมีความกังวลต่อผลตอบแทนของพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) ระยะสั้น และคงยังไม่เข้ามาลงทุนเพิ่มในส่วนนี้ แต่หากเป็นบอนด์ระยะยาว ยังมีการเข้ามาลงทุนอยู่เรื่อย ๆ

ทั้งนี้ เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ในตลาดตราสารหนี้ พบว่าต้นปีถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นการขายบอนด์ระยะสั้นมากกว่า ทำให้ตลาดตราสารหนี้ไทยมีความผันผวนน้อยกว่าตลาดเพื่อนบ้าน โดยนักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิบอนด์ระยะสั้น (ต่ำกว่า 1 ปี) ประมาณ 54,374 ล้านบาท ส่วนบอนด์ระยะยาว ซื้อสุทธิ 96,823 ล้านบาท

สำหรับทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย ในรอบการประชุม 20 มิ.ย.นี้ พบว่า ดัชนีค่ากลางโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 50 ทำให้สะท้อนว่าตลาดยังเชื่อ กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% เนื่องจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศเติบโตดี แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ยังไม่สูงนัก โดย พ.ค.ที่ผ่านมา เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.49% จึงยังไม่กดดันการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้

“หากดูจากดัชนีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของไทย อายุ 5 ปี และ 10 ปี ในการประชุม กนง.เดือนสิงหาคม จะอยู่ที่ระดับ 90 และ 92 ตามลำดับ ซึ่งปรับขึ้นค่อนข้างมากจากครั้งก่อน สะท้อนว่าตลาดมีความเชื่อมั่นที่บอนด์ยีลด์ทั้งสองจะปรับสูงขึ้นได้ ซึ่งปัจจุบันบอนด์ยีลด์อายุ 5 ปี อยู่ที่ 2.09% เพิ่มขึ้น 0.2% จากต้นปี และบอนด์ยีลด์อายุ 10 ปี อยู่ที่ 2.78% เพิ่มขึ้น 0.24% ถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับบอนด์ยีลด์สหรัฐ ซึ่งเชื่อว่าบอนด์ยีลด์ของไทยยังสามารถมีการปรับขึ้นต่ออีกได้” นางสาวอริยากล่าว