
ธปท. เผยเศรษฐกิจเดือนธันวาคมชะลอลงจากเดือนก่อน ตามการส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง แม้ภาคท่องเที่ยวฟื้น ด้านเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 1.23% จากเดือนก่อน มองระยะถัดไปเศรษฐกิจยังมีแรงส่งจากภาคท่องเที่ยวและบริการ แนะจับตาความไม่แน่นอนนโยบายทรัมป์-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม 2567 ชะลอลงจากเดือนก่อน ตามการส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง ส่งผลให้กิจกรรมในภาคบริการที่เกี่ยวข้อง อาทิ การขนส่งสินค้า ปรับลดลง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนทรงตัว
อย่างไรก็ตาม รายรับภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ตามสัดส่วนนักท่องเที่ยวระยะไกลที่เพิ่มขึ้น ด้านการบริโภคภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อยในเกือบทุกหมวดหลัก ยกเว้นหมวดสินค้าไม่คงทนที่ชะลอลง หลังจากที่เร่งไปในช่วงแรกของมาตรการเงินโอนภาครัฐ สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐยังขยายตัวต่อเนื่องจากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน
โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลง 0.4 % จากเดือนก่อน ในหลายหมวด โดยเฉพาะ 1) หมวดยานยนต์ จากการส่งออกรถยนต์นั่งเป็นสำคัญ ขณะที่การส่งออกรถกระบะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะที่ส่งไปอาเซียน 2) หมวดปิโตรเลียม ตามการส่งออกไปอาเซียนและบังกลาเทศ และ 3) หมวดสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ตามการส่งออกผลไม้ เนื้อสัตว์ และน้ำตาล อย่างไรก็ตาม การส่งออกในบางสินค้าปรับเพิ่มขึ้น อาทิ โลหะมีค่า คอมพิวเตอร์ และเครื่องปรับอากาศ
ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลง 0.5% จากเดือนก่อน ตามการผลิตหมวดอื่น ๆ อาทิ โลหะประดิษฐ์ เครื่องจักร และเหล็ก รวมถึงการผลิตปิโตรเลียมที่ลดลง สอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การผลิตในบางหมวดปรับเพิ่มขึ้น อาทิ หมวดเคมีภัณฑ์จากการผลิตปุ๋ย และหมวดอาหารและเครื่องดื่มจากการผลิตน้ำตาล
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วทรงตัว 0.1% จากเดือนก่อน โดยเพิ่มขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะไกล โดยเฉพาะรัสเซียและออสเตรเลีย ขณะที่ลดลงในกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะใกล้ อาทิ จีนและมาเลเซีย สำหรับรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามสัดส่วนนักท่องเที่ยวระยะไกลที่เพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 4/67 จำนวนนักท่องเที่ยวปรับเพิ่มขึ้น โดยจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2567 อยู่ที่ 35.5 ล้านคน
เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วทรงตัว 0.2% จากเดือนก่อน โดยการลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ ตามการผลิตเครื่องจักรและเครื่องมือเพื่อใช้งานทั่วไป และคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง รวมทั้งการนำเข้าสินค้าทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น ด้านการลงทุนในหมวดยานพาหนะปรับเพิ่มขึ้น ตามยอดจดทะเบียนรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นจากรถบรรทุกและรถยนต์รับจ้าง อย่างไรก็ตาม การลงทุนด้านการก่อสร้างลดลง ตามพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างในทุกวัตถุประสงค์ที่ลดลง
มูลค่าการนำเข้าสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง ตามการนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากอาเซียนและไต้หวัน รวมถึงปริมาณการนำเข้าก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคปรับลดลง ตามการนำเข้าทั้งสินค้าคงทนและไม่คงทน
สำหรับเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนเล็กน้อยในเกือบทุกหมวด ยกเว้นหมวดสินค้าไม่คงทน ซึ่งลดลงตามยอดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มและปริมาณการใช้ไฟฟ้า หลังจากที่เร่งไปในช่วงแรกของมาตรการเงินโอนภาครัฐ สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการท่องเที่ยวในประเทศที่ดีขึ้น
การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามการเบิกจ่ายเงินบำเหน็จ บำนาญ และค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ สำหรับรายจ่ายลงทุนขยายตัวสูงจากการเบิกจ่ายของหน่วยงานด้านสาธารณูปโภคและคมนาคมเป็นสำคัญ ขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัวตามการเบิกจ่ายของโครงการด้านสาธารณูปโภค
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.23% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 0.95% ตามหมวดพลังงาน จากผลของฐานต่ำในปีก่อนที่มีมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ประกอบกับราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่หมวดอาหารสดลดลงจากผลของฐานสูงในราคาเนื้อสุกร ประกอบกับราคาผักลดลง
เนื่องจากผลผลิตเพิ่มขึ้นตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยหมวดอาหารปรับเพิ่มขึ้น ตามราคาอาหารสำเร็จรูปและเครื่องประกอบอาหาร ขณะที่หมวดอุปกรณ์ซักล้างปรับลดลงตามการทำโปรโมชั่น สำหรับภาวะตลาดแรงงานโดยรวมทรงตัวจากเดือนก่อนทั้งในภาคการผลิตและบริการ
ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ที่กลับมาเกินดุล ตามดุลบริการภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ดุลการค้าเกินดุลใกล้เคียงกับเดือนก่อน ด้านการระดมทุนของภาคธุรกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนจากการระดมทุนผ่านสินเชื่อเป็นสำคัญ จากธุรกิจกลุ่มการค้าและการผลิตยางและพลาสติก รวมถึงการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่ตลาดทุนเพิ่มขึ้นจากธุรกิจในกลุ่มการแพทย์และกลุ่มสื่อสารเพื่อลงทุนขยายกิจการ
อย่างไรก็ตาม การระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้สุทธิลดลงจากธุรกิจในภาคการเงินและอสังหาเป็นสำคัญ สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ. ในเดือนธันวาคม 2567 เฉลี่ยแข็งค่าขึ้นนำสกุลภูมิภาค หลังตลาดปรับลดความกังวลต่อนโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่จะส่งผลกระทบต่อไทย ประกอบกับแข็งค่าตามฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย สอดคล้องกับดุลรายรับภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
สำหรับเศรษฐกิจไทยโดยรวมในไตรมาส 4 ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ตามแรงขับเคลื่อนของกิจกรรมในภาคบริการและรายรับภาคการท่องเที่ยว รวมถึงรายจ่ายลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำอยู่ในระดับสูง โดยทรงตัวจากไตรมาสก่อน จากการส่งออกสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีขณะที่การบริโภคภาคเอกชนทรงตัว โดยคาดว่า GDP จะยังโตใกล้เคียงที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 4%
“สำหรับแนวโน้มระยะต่อไปกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังมีแรงส่งจากภาคท่องเที่ยวและบริการ ขณะที่การส่งออกสินค้าขยายตัวได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้างและการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลต่อการฟื้นตัวของรายรับธุรกิจและรายได้ครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง ทั้งนี้ระยะต่อไป ต้องติดตาม 1) ผลกระทบจากความไม่แน่นอนของแนวนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลัก และ 2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ”