
ธนาคารกรุงศรีอยุธยาคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ ซื้อขายในกรอบ 33.80-34.40 บาทต่อดอลลาร์ จับตาสงครามการค้ารอบใหม่ กดดันเงินเฟ้อสหรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.80-34.40 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 33.67 บาทต่อดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 33.58-33.97 บาทต่อดอลลาร์
โดยระหว่างสัปดาห์เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนครั้งใหม่ โดยเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเงินเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% ตามคาด ส่วนเงินเยนได้แรงหนุนหลังรองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เน้นย้ำว่าดอกเบี้ยที่แท้จริงในญี่ปุ่นยังคงติดลบอย่างมีนัยสำคัญแม้ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วเมื่อเดือนมกราคมก็ตาม ความเห็นดังกล่าวเพิ่มโอกาสที่บีโอเจอาจขึ้นดอกเบี้ยได้อีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้
ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ลดดอกเบี้ยลง 25 bps ตามคาด และปูทางไปสู่การผ่อนคลายเพิ่มเติมในเดือนมีนาคมท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในเขตยูโรโซน
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทย 2,836 ล้านบาท และ 1,930 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ในเดือนมกราคมเงินบาทแข็งค่า 1.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ ขณะที่สงครามการค้ารอบใหม่ฉุดรั้งการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและหนุนเงินดอลลาร์ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และ 10% สำหรับสินค้าจากจีน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ซึ่งสร้างความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งอาจทำให้เงินเฟ้อสหรัฐสูงขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามดัชนีภาคบริการและการจ้างงานเดือนมกราคมของสหรัฐ
อนึ่ง ในการประชุมรอบล่าสุดเฟดตัดข้อความที่เคยใช้ในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่าตลาดแรงงาน “โดยทั่วไปลดความร้อนแรงลง” และเงินเฟ้อ “มีความคืบหน้าสู่เป้าหมาย 2%” โดยแทนที่ด้วยการประเมินว่าตลาดแรงงาน “แข็งแกร่ง” และเงินเฟ้อยังคง “ค่อนข้างสูง”
อย่างไรก็ดี ประธานเฟดอธิบายว่าการปรับถ้อยคำดังกล่าวไม่ได้มีนัยในการส่งสัญญาณต่อการประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อ โดยเฟดต้องการเห็นความคืบหน้าเกี่ยวกับเงินเฟ้อหรือการจ้างงานอ่อนแรงลงจึงจะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง
สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าเงินเฟ้อเดือนมกราคมขยับสูงขึ้นต่อเนื่อง ทางด้านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 อาจขยายตัวต่ำกว่า 2.9% เนื่องจากในไตรมาส 4/67 เติบโตต่ำกว่าคาด ขณะที่ผลบวกจากมาตรการแจกเงินช่วยเหลือน้อยกว่าที่ ธปท.ประเมินไว้