
เงินบาทปรับตัวแข็งค่า หลังทรัมป์ชะลอการเก็บภาษีนำเข้า ทั้งแคนาดา และเม็กซิโก ก่อนที่เงินบาทจะปิดตลาดที่ระดับ 33.84/85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ (04/02) ที่ระดับ 33.83/85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (03/02) ที่ระดับ 34.02/03 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
โดยเมื่อคืนวานนี้ (03/02) ทางสหรัฐได้มีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ พบว่ามีการปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.9 ในเดือน ม.ค. และสูงกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.8 ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 34 เดือน ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐประจำเดือน ธ.ค.ว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือนและมีการปรับตัวขึ้น 4.3% เมื่อเทียบรายปี
เมื่อคืนวานนี้ (03/02) นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวว่า ได้มีการตกลงกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐว่าจะทำการระงับการเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน
นอกจากนี้ยังกล่าวว่าการระงับมาตรการภาษีนี้เป็นการตอบสนองกับข้อตกลงทางฝั่งแคนาดาเรื่องการป้องกันการลักลอบนำเข้าของสารเสพติดเฟนทานิลสู่สหรัฐ และนายจัสตินยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินการแต่งตั้งผู้กำกับดูแลสารเฟนทานิล
ในส่วนของการขึ้นภาษีนำเข้าของเม็กซิโกก็ได้ถูกระงับชั่วคราวเช่นกัน โดยเกิดขึ้นจากการเจรจาของประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม ที่ยืนยันว่าจะทำการส่งทหารจำนวนทั้งหมด 10,000 รายไปประจำการตามแนวชายแดนตอนเหนือ เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าของสารเสพติดเข้าสู่สหรัฐเช่นเดียวกับแคนาดา
ด้านปัจจัยภายในประเทศ นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยการคาดการณ์แนวโน้มการส่งออกของไทยในช่วงไตรมาสแรก โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 2-3% ซึ่งมีมูลค่าราว 72,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้สถานการณ์ที่ประเทศไทยจะต้องเผชิญในปี 2568 ซึ่งก็คือสงครามทางการค้า เพราะการส่งออกจากไทยไปยังสหรัฐมีสัดส่วนถึง 17% ของมูลค่าส่งออกรวม
นายชัยชาญยังกล่าวว่าการส่งออกไทยในปี 2568 มีโอกาสขยายตัว 1-3% แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด เช่น ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ ปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์และสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ปัจจัยเฝ้าระวังขนส่งสินค้าทางทะเล รวมถึงความผันผวนของค่าเงินบาท และในส่วนของภาพรวมการส่งออกในปี 2567 นั้นเติบโตได้เกินเป้าหมายที่วางไว้โดยเกิดจากการร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชน
ระหว่างวันการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอยู่ในกรอบระหว่าง 33.84-33.98 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.84/85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (28/1) ที่ระดับ 1.0315/16 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (03/02) ที่ระดับ 1.0232/33 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (02/02) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลาวว่าอาจจะมีการเรียกเก็บภาษีจากสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีการซื้อขายกับสหรัฐเป็นอับดับต้น ๆ และยังถูกวิจารณ์ว่าเกินดุลการค้ากับสหรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0273-.0352 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0346/48 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวเปิดตลาดเช้านี้ (28/1) ที่ระดับ 155.28/30 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (03/02) ที่ระดับ 155.01/06 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยวันนี้ค่าเงินเยนมีหลุดแตะระดับ 154.74 เนื่องจากนักลงทุนเทขายสกุลเงินเยน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนอยู่ในกรอบระหว่าง 154.74-155.40 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 155.22/23 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน ธ.ค. (04/02), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือน ธ.ค. (04//02), ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน ม.ค. จากสถาบัน ADP (05/02), ยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือน ธ.ค. (05/02), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือน ม.ค.จาก S&P Global (05/02),
ดัชนีภาคบริการเดือน ม.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานโดยสถาบัน ISM (05/02), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (06/02), ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยในไตรมาส 4/2567 (ประมาณการเบื้องต้น) (06/02), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ม.ค. (07/02), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือน ก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (07/02)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในปะเทศอยู่ที่ -5.7/-5.6 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -5.15/-4 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ