
สมาคมธนาคารไทย ชี้ พ.ร.ก.ภัยไซเบอร์ รับผิดชอบร่วม ”แบงก์-Telco-แพลตฟอร์ม-ผู้ใช้บริการ“ ยันต้องร่วมมือต้นน้ำ-ปลายน้ำ เชื่อชัดเจนทันเดือน ก.พ.-มี.ค. 68 พร้อมยกระดับป้องกันลุยปิดปากม้า หลังจัดการบัญชีม้าแล้ว 1.8 ล้านบัญชี
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย (TBA) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าของร่างรายละเอียดของพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในส่วนของความรับผิดชอบร่วมนั้น จะเห็นว่ามีการพูดคุยต่อเนื่องในแนวนโยบายและหลักเกณฑ์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาล แต่เบื้องต้นคาดว่าข้อสรุปจะทันกฎหมายบังคับใช้ภายในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2568 นี้
อย่างไรก็ดี พ.ร.ก.รับผิดชอบร่วมกัน มองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ความรับผิดชอบร่วมกันจะต้องครบทั้งองคาพยพ ทุกหน่วยงานในกลไกของระบบ เนื่องจากสิ่งที่สมาคมอยากเห็น คือ ให้ครบทุกกลไก เพราะระบบธนาคารตอนนี้เหมือนเป็นระบบตรงกลางที่รับเข้ามาจากต้นน้ำ และต้องระงับการออกไปที่ปลายน้ำ แต่ในขณะเดียวกันการออกไปที่ปลายน้ำก็ต้องสามารถระงับได้ ดังนั้น ต้นน้ำต้องมีด่านสกัดบ้าง อันนี้เป็นจุดที่หวังว่าจะมีกลไกเกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
สำหรับรูปแบบการรับผิดชอบร่วมกันนั้น จะมีแบบอย่างมาจากสิงคโปร์นั้น มองว่ากลไกบางอย่างก็เหมือนกัน และกลไกบางอย่างก็ไม่เหมือนกัน
”เราอยากเห็นการยกระดับทั้งระบบ แต่ยอมรับว่าการปิดม้า การป้องกันก็จะเกิดความไม่สะดวกในระบบ แต่ก็เป็นสถานะที่เราต้องต่อสู้กับองค์กรอาชญากรรม เพราะเขาทำงานแบบฟูลไทม์จ็อบ ขณะที่เราต้องจัดสรรทรัพยากรที่เราทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจปกติมาป้องกันประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ด้วย“
นายผยงกล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการยกระดับการจัดการบัญชีม้าของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเห็นว่า สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิกทุกแห่งยกระดับการป้องกันและมีการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อดำเนินการตามแนวนโยบายของ ธปท. ซึ่งเป็นไปอย่างเข้มข้นและใช้ทรัพยากรค่อนข้างสูง ทั้งในส่วนของมาตรการ “ปิดปากม้า” และ “การเปิดบัญชีใหม่” ซึ่งล่าสุดธนาคารทั้งระบบสามารถปิดบัญชีไปแล้วกว่า 1.8 ล้านบัญชี และเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมในการจัดการบัญชีม้านิติบุคคล
อย่างไรก็ดี จะเห็นว่าบัญชีม้าและการทุจริตเกิดขึ้นทุกวัน ไม่ได้เป็นระยะสั้น (One Shot) ดังนั้น ทุกองคาพยพของระบบนิเวศต้องยกระดับและร่วมมือกันในการจัดการปัญหาภัยทางการเงิน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในส่วนผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม (Telco) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) รวมถึงภาคประชาชน เพื่อให้การแก้ไขและป้องกันภัยทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
“เราดีใจในเรื่องตัดไฟที่เมียนมาที่ทางรัฐให้ความสำคัญกับเรื่องการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ แต่ว่าทั้งหมดแล้วถ้าดูต้นน้ำตั้งแต่ในมุมของกลุ่มเทเลคอมที่ต้องมีการพิจารณาในเรื่องของซิมการ์ดไปจนถึงปลายน้ำที่เงินออกคือคริปโต แล้วก็ยังไปถึงเรื่องแพลตฟอร์มที่ไม่ได้มีเรื่องของธรรมาภิบาล“