วิจัยกสิกรฯ แนะไทยนำเข้าสินค้าสหรัฐเพิ่ม ย้ำรัฐเร่งเจรจา รับมือทรัมป์ 2.0

บุรินทร์ อดุลวัฒนะ
บุรินทร์ อดุลวัฒนะ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย แนะไทยเปิดตลาดให้กับธุรกิจสหรัฐ-เพิ่มการนำเข้าสินค้ามากขึ้น เพื่อลดการได้ดุลการค้ากับสหรัฐ รับมือทรัมป์ 2.0 ชี้เป็นยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลต้องไปเจรจา พร้อมคาดเฟดไม่ลดดอกเบี้ยเพิ่ม หากสงครามการค้าขยายวงกว้าง

นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง ความชัดเจนต่อนโยบายการค้า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็เริ่มมีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบาย America First ที่สหรัฐจะนำผลประโยชน์ของสหรัฐเป็นที่ตั้ง

โดยมองว่านโยบายทรัมป์ 2.0 จะยังคงใช้ภาษีนำเข้าเป็นเครื่องมือเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสหรัฐ ซึ่งเราได้เห็นนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ มีการใช้ภาษีนำเข้าเป็นเครื่องมือในการเจรจา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านการเมืองและความมั่นคง ในประเด็นเรื่องคนลักลอบเข้าเมืองและปัญหายาเสพติด รวมถึงความต้องการขยายดินแดนและอิทธิพลไปนอกสหรัฐ อาทิ คลองปานามา กรีนแลนด์ และแคนาดา

ในแนวคิดของรัฐบาลทรัมป์วาระแรก ได้มีการขึ้นภาษีนำเข้า โดยเฉพาะจากจีน และมีการเปลี่ยนสนธิสัญญาความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือ NAFTA (North American Free Trade Agreement) มาเป็นข้อตกลงสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา หรือ USMCA (United States-Mexico-Canada Agreement) โดยสงครามการค้ามีผลลบกับเศรษฐกิจสหรัฐน้อยกว่าประเทศอื่นที่ค้าขายกับสหรัฐ

สะท้อนจากแนวคิดที่นาย Robert Lightizer ซึ่งเป็นมันสมองของการวางกลยุทธ์สงครามการค้ารอบแรกได้กล่าวว่า สหรัฐควรจะมองจีนเป็นคู่แข่งอันดับหนึ่ง ทั้งด้านการทหาร เศรษฐกิจ และความมั่นคง เนื่องจากการที่สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนมาก ๆ ไม่เป็นผลดีกับสหรัฐในระยะยาว เพราะฉะนั้นนโยบายต่าง ๆ จึงต้องการบรรลุเป้าการลดการพึ่งพาเศรษฐกิจจีน และลดการขาดดุลการค้า

นอกจากนั้น สหรัฐยังต้องการให้มีการสร้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการผลิต อาทิ อุตสาหกรรมรถยนต์ และยังมีแนวคิดที่ว่า แม้แต่ประเทศพันธมิตรของสหรัฐก็ได้มีการเอาเปรียบทางการค้ากับสหรัฐมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเม็กซิโก แคนาดา สหภาพยุโรป และประเทศอื่น ๆ

ADVERTISMENT

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าประเทศไทยน่าจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการที่ประเทศไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐเป็นอันดับที่ 10 ของโลก ดังนั้น กลยุทธ์ของไทยในการรับมือคงต้องเปิดตลาดให้กับธุรกิจสหรัฐมากขึ้น หรือเพิ่มการนำเข้าสินค้าของสหรัฐ เพื่อลดการได้ดุลการค้ากับสหรัฐ

นอกจากนี้ หากผลกระทบจากสงครามการค้าขยายวงกว้าง เฟดอาจจะไม่สามารถลดดอกเบี้ยเพิ่ม จากที่คาดว่าจะลดลง 2 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 1 เมษายนนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมที่จะเก็บภาษีในประเทศต่าง ๆ ซึ่งประเทศไทยอาจจะเป็นหนึ่งในประเทศที่อาจถูกมาตรการภาษีได้

ADVERTISMENT

“สิ่งที่ไทยต้องเร่งทำคือการลดการได้ดุล เราอาจจะต้องไปซื้อของจากสหรัฐมากขึ้น เช่น สินค้าเกษตร สินค้าเทคโนโลยี อาวุธยุทโธปกรณ์ เป็นต้น มีหลายอย่างที่เราสามารถลดดุลการค้าได้ ซึ่งเราอาจจะย้ายมาซื้อที่สหรัฐแทน ซึ่งอาจจะเป็นยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลต้องไปเจรจา“

นโยบายทรัมป์ 2.0 จะเน้นการสร้างความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและการทหารให้กับสหรัฐเป็นหลัก เราจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่สหรัฐจะใช้ความยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจของตนเองเป็นเครื่องมือต่อรองให้สหรัฐได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์อย่างมากที่สุด