สงครามการค้าหนุนทองพุ่ง All-time High-ผลตอบแทนสูง 10%

gold-necklaces
คอลัมน์ : สถานีลงทุน
ผู้เขียน : ธนรัชต์ พสวงศ์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ทองคำสดใสรับเปิดปีใหม่ปี 2568 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ และยังทำ All-time High อย่างต่อเนื่อง ทั้งแรงซื้อก่อนเทศกาลตรุษจีน และความต้องการซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม ตลาดติดตามการประกาศใช้นโยบายอย่างใกล้ชิด จะแตกต่างจากนโยบายที่หาเสียงหรือไม่ โดยเฉพาะนโยบายการเก็บภาษีสินค้านำเข้า หรือสงครามการค้า

ผ่านไปเพียง 1 เดือนกว่าเท่านั้น เมื่อคำนวณจากจุดสูงสุดปีนี้ ทอง Spot ให้ผลตอบแทนสูงถึง 9.9% ทองในประเทศให้ผลตอบแทน 7.5%

ราคาทองคำเพิ่มขึ้นทำ All-time High ทั้งราคาทองโลกและราคาทองในประเทศ ราคาทองคำ Spot ทำ All-time High แตะ 2,882 ดอลลาร์ ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ราคาทองแท่งขายออกของสมาคมทำ All-time High ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ แตะ 45,600 บาท

คอลัมน์ทอง

3 ปัจจัยขับเคลื่อนราคาทองทำ All-time High

1.ความไม่แน่นอนจากนโยบายสงครามการค้าของทรัมป์ สิ่งที่ยังเหมือนเดิมระหว่างทรัมป์ 1.0 และทรัมป์ 2.0 คือการประกาศนโยบายที่ยังมีความไม่ชัดเจน และยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งทองคำชอบความไม่แน่นอน ทำให้ยังมีแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเข้ามา สิ่งที่แตกต่างจากทรัมป์ 1.0 คือคาดจะไม่ทำสงครามการค้าที่รุนแรง

แต่จะเลือกใช้วิธีการเจรจาต่อรอง เพราะการทำสงครามการค้ารุนแรงตั้งแต่สมัยทรัมป์ 1.0 ในปี 2017 ทำให้สหรัฐไม่ได้ขาดดุลการค้าลดลง แต่สหรัฐยังขาดดุลการค้ามากขึ้น และพุ่งขึ้นแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2021 รวมทั้งมีหนี้สาธารณะมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในวันที่ 4 ก.พ. ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10% แต่ในที่สุดได้เลื่อนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาออกไป 30 วัน

ขณะที่จีนเองประกาศตอบโต้สหรัฐ เก็บภาษีนำเข้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐในอัตรา 15% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ อุปกรณ์ด้านการเกษตร และรถยนต์บางประเภท ในอัตรา 10% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่เป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลก ย่อมส่งผลลุกลามไปยังเศรษฐกิจโลก

ADVERTISMENT

2.ความต้องการทองคำจากสหรัฐในรูป Physical เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้เกิดการขาดแคลนทองคำในตลาดลอนดอน เนื่องจากต้องขนส่งทองคำไปยังสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 70% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หรือ 12.2 ล้านออนซ์ในตลาด CME หรือตลาดฟิวเจอร์สในนิวยอร์ก สะท้อนให้เห็นว่าตลาด CME นักลงทุนเลือกถือสัญญาฟิวเจอร์สทองคำจนหมดอายุ ทำให้ต้องส่งมอบทองคำจริง นักลงทุนในสหรัฐเองกลับต้องการถือทองคำในรูป Physical แทนการเทรดดิ้งเพื่อการเก็งกำไร

เนื่องจากอาจมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงจากนโยบายของรัฐบาล และความกังวลว่าสหรัฐอาจกำหนดภาษีศุลกากรแบบครอบคลุม แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการรวมโลหะมีค่าหรือไม่

ADVERTISMENT

3.ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ความชัดเจนของทรัมป์คือไม่สนับสนุนและให้เงินช่วยเหลือยูเครน แต่สนับสนุนอิสราเอล ดังนั้น สงครามในตะวันออกกลางคาดยังมีอยู่และอาจรุนแรงขึ้น หลังทรัมป์รับตำแหน่งประธานาธิบดีไม่กี่วันได้อนุมัติส่งระเบิดให้แก่อิสราเอล

รวมทั้งล่าสุดมีแผนจะให้สหรัฐยึดครองฉนวนกาซา เพื่อเก็บกู้ระเบิดและฟื้นฟูเมืองใหม่ พร้อมเสนอให้ชาวปาเลสไตน์ย้ายออกจากที่อยู่เดิมไปอยู่ชาติอาหรับอื่นแทน ถึงแม้คาดว่าอาจจะไม่ทำจริงอย่างที่ประกาศ แต่ก็ทำให้นักลงทุนกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลาง