FETCO หนุน บจ. ซื้อหุ้นคืน นัดหารือคลังฟื้น LTF ปรับเงื่อนไข TESG

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย

FETCO หนุน บจ.ซื้อหุ้นคืน ช่วงราคาหุ้นปรับลงแรง ชี้เป็นจังหวะเหมาะสม เชื่อมีหลาย บจ.คิดทำโครงการลักษณะนี้ พร้อมเตรียมหารือคลัง ต่ออายุกอง SSF ปรับเงื่อนไข Thai ESG และฟื้น LTF หวังช่วยพัฒนาตลาดทุนไทย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า จากที่ผ่านมามีธนาคารพาณิชย์เปิดโครงการซื้อหุ้นคืน ในส่วนของ FETCO มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากเป็นตัวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นบริษัทของตนเองในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมา และมองว่าราคาที่ซื้อเป็นราคาที่เหมาะสมจึงซื้อกลับมา

“เราเคยทำเรื่องกับ ก.ล.ต.แล้ว ว่าให้แต่ละบริษัทสามารถดำเนินการโครงการลักษณะนี้ได้ง่ายขึ้น ผมว่าจังหวะนี้เป็นจังหวะเหมาะสม รวมถึงจะช่วยให้ผู้ถือหุ้นมีความสบายใจเช่นเดียวกัน ว่าบริษัทมีความมั่นใจเพียงพอว่าจะซื้อหุ้นตนเองกลับคืน และมองว่ามีหลายบริษัทที่คิดทำโครงการลักษณะนี้ในช่วงนี้”

นอกจากนี้ ทาง FETCO ยังได้ส่งหนังสือนัดหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อพูดคุยกับรัฐบาลในหลาย ๆ เรื่อง ได้แก่ 1.การขอหารือเรื่องการต่ออายุมาตรการภาษีของกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ที่หมดอายุเมื่อปลายปีที่ผ่านมาว่าจะดำเนินการต่อภาษีหรือไม่อย่างไร

2.มีแนวคิดที่อยากให้เม็ดเงินที่ซื้อเข้ากองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) เป็นเงินที่ลงในหุ้นให้มากขึ้น เนื่องจากปีที่ผ่านมามีการซื้อตราสารหนี้มากเกินไปจากภาวะตลาดที่ผันผวน ขณะเดียวกันยังอยากได้เม็ดเงินใหม่ที่มุ่งไปที่หุ้นอย่างเดียว จึงเป็นแนวคิดเรื่องกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งยังต้องติดตามว่าจะเป็นกองใหม่เลยหรืออาจเป็นกอง LTF ที่เป็น ESG มากขึ้น เนื่องจากมองว่าปัจจุบันเทรนด์ ESG เป็นเทรนด์ใหม่ของโลก

นอกจากนี้อาจจะมีการปรึกษาหารือกันในเรื่องภาวะตลาดหุ้นด้วย โดยมองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีความผันผวนมากขึ้น โดยเห็นได้จากหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ก็มีเรื่องสงครามการค้าเข้ามา ส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความผันผวน

ADVERTISMENT

ในส่วนของตลาดหุ้นไทยมองว่าส่วนหนึ่งนักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่น ดังนั้นหากทางภาครัฐสื่อสารออกไปถึงความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้น รวมถึงการที่จะดึงนักลงทุนมาในลงทุนในประเทศไทยจะมีกระบวนการหรือความคืบหน้าอย่างไร

“ผมว่าโครงการต่าง ๆ ดีหมดเลย แต่เราต้องมีข่าวดีให้เขา เพราะใน 1-2 ปีข้างหน้าจะมีความท้าทายค่อนข้างสูงในเรื่องของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ดังนั้นเราต้องทำให้เขาเห็นว่าประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่มีปัญหา เราต้องมีข่าวดี เช่น สามารถส่งออกได้ นักท่องเที่ยวมามากขึ้น จะทำให้ฟันด์โฟลว์ไหลกลับมาไทยได้”

ADVERTISMENT