ตลท. ชี้หุ้นไทยยังน่าสนใจ แนะหลบภัยหุ้นปันผล เหมาะลงทุนระยะยาว

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้หุ้นไทยยังน่าสนใจ แม้ปรับตัวลงแรง มองสาเหตุหลักจากปัจจัยต่างประเทศ ชี้หลาย บจ. การเติบโตยังดี มีจ่ายเงินปันผลเหมาะกับนักลงทุนระยะยาว ด้าน SET เดือน ม.ค.ปรับลดลง 6.1% กลุ่มการเงิน-พลังงานชนะดัชนี

ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเดือนมกราคม 2568 ดัชนีปรับตัวลดลง 6.1% โดยการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยได้รับ Sentiment จากต่างประเทศเป็นหลัก ผลกระทบจากนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับสงครามการค้า ซึ่งสร้างความปั่นป่วนในตลาดการเงินโลก โดยนโยบายดังกล่าวอาจส่งผลให้แนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐเปลี่ยนไป จากเดิมที่คาดว่าจะลดลง 3 ครั้ง อาจลดลงเหลือเพียง 1 ครั้ง หรืออาจไม่ลดลงเลย

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังมีภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อน ส่วนการจับจ่ายใช้สอยในประเทศยังมีแรงสนับสนุนจากนโยบายของภาครัฐ ซึ่งหากดูหลายบริษัทไม่รวมเซ็กเตอร์น้ำมัน จะเห็นว่ากำไรเริ่มดีขึ้นจากที่ผ่านมา แต่ราคาปรับลดลงเกือบทั้งหมด ขณะที่หุ้นหลายตัวกำไรบริษัทยังดี มีการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ มองว่าเป็นจุดดีเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวในการลงทุน

ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐที่เงินลงทุนกระจุกตัวอยู่ในหุ้น AI เพียงไม่กี่ตัว มีโอกาสเกิดปรับฐานครั้งใหญ่ อีกทั้งความไม่แน่นอนเชิงนโยบายมีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจต้องปรับมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเร็วกว่าคาด ส่งผลต่อทิศทางฟันด์โฟลว์เคลื่อนย้ายออกจากสหรัฐกลับมายัง Emerging Market

รวมถึงตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจจากการที่เป็นตลาดที่มีความผันผวนต่ำ โดยพิจารณาจากค่า End of Day Volatility ของ SET Index สาเหตุหนึ่งมาจากเป็นตลาดหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทน Dividend Yield สูงอย่างต่อเนื่อง โดยค่าเฉลี่ยย้อนหลังตั้งแต่ปี 2000 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 3.14% จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่มีลักษณะ Defensive Stock

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2568 SET Index ปิดที่ 1,314.50 จุด ทำให้ในเดือนแรกปี 2568 SET Index ปรับลดลง 6.1% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ได้แก่ กลุ่มการเงิน และกลุ่มพลังงาน

ADVERTISMENT

มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 39,006 ล้านบาท ลดลง 17.2% จากเดือนมกราคม 2567 อย่างไรก็ตาม เห็นสัญญาณเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด 4 เดือนต่อเนื่อง เดือนมกราคม 2568 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน mai 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. โปร อินไซด์ (PIS)

สำหรับ Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2568 อยู่ที่ระดับ 15.0 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 17.7 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.2 เท่า

ADVERTISMENT