ราคาทองไทยลุ้นแตะ 50,000 บาท YLG เปิด 4 ปัจจัยหนุน

ราคาทองคำ YLG

YLG เปิด 4 ปัจจัยหนุนทองคำเข้าใกล้เป้าหมาย 3,000 ดอลลาร์ เป็น Base Case หากผ่านได้มองเป้าหมายถัดไป 3,100 ดอลลาร์แนะนำระมัดระวังแรงเทขายทำกำไรในระยะสั้น หลังปรับตัวขึ้นมาเร็วและแรง ส่วนทองไทยหลังเข้าใกล้ 48,000 บาท มองเป้าหมายถัดไปที่ 50,000 บาท

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) เปิดเผยว่า ราคาทองคำล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 11 ก.พ. 2568 ได้ขึ้นไปทำราคาสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ 2,942.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศก็ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ 47,450 บาทต่อบาททองคำ จนเข้าใกล้เป้าหมายที่ YLG มองไว้ที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ และทองไทย 48,000 บาทต่อบาททองคำ ไปจนถึง 50,000 บาทต่อบาททองคำ หากได้อานิสงส์เพิ่มเติมจากเงินบาทอ่อนค่า

โดยสาเหตุหลักที่ทองคำปรับตัวขึ้นยังคงมาจาก 4 ปัจจัย ดังนี้

1. ความกังวลในความไม่แน่นอนด้านนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ล่าสุดได้ลงนามประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมดเข้าสู่สหรัฐ สู่ระดับ 25% โดยไม่มีข้อยกเว้น จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มี.ค. 2568 แม้ว่าก่อนหน้านี้จะยกเว้นภาษีจากแคนาดาและเม็กซิโกให้ 1 เดือน แต่ทั้งสองประเทศอาจได้รับผลกระทบอีกครั้ง เพราะต่างมีการส่งเหล็กและอะลูมิเนียมให้สหรัฐในสัดส่วนที่สูง นอกจากนี้ “ทรัมป์” ยังได้ส่งสัญญาณวางแผนประกาศใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) เพิ่มเติมในสัปดาห์นี้

2. ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังเพิ่มขึ้น เมื่อกลุ่มฮามาสระงับการปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอล โดยอ้างว่าอิสราเอลฝ่าฝืนการหยุดยิงในฉนวนกาซา ในขณะที่ “ทรัมป์” กล่าวว่าฮามาสต้องปล่อยตัวประกันทั้งหมดที่ถูกจับตัว ภายในเที่ยงวันเสาร์นี้ (15 ก.พ. 2568) มิฉะนั้นเขาจะเสนอให้ยกเลิกข้อตกลงหยุดยิง

ADVERTISMENT

3. ความคาดหวังของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง กำลังสนับสนุนทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปของอัตราดอกเบี้ย โดยตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจจะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ได้ตามแผนถึงสองครั้ง ในขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางอินเดีย ได้ลดอัตราดอกเบี้ยแบบปผ่อนปรนเพื่อส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตามการเคลื่อนไหวที่คล้ายกันของธนาคารกลางยุโรป, ธนาคารกลางสวีเดน และธนาคารแห่งประเทศจีน

4. การซื้อทองคำของธนาคารกลาง ยังเพิ่มดีมานด์ทองคำแท่งอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่มีระดับการเข้าซื้อสูงเกิน 1,000 ตัน โดยในเดือน ม.ค. 2568 ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เพิ่มปริมาณทองคำสำรองเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ ทองคำยังได้ปัจจัยหนุนเพิ่มเติมมาจากการที่สำนักงานกำกับดูแลการเงินแห่งชาติของจีน (NFRA) จัดตั้งโครงการ (pilot scheme) อนุญาตให้บริษัทประกันภัยในจีนสามารถลงทุนในทองคำแท่งได้มากถึง 1% ของสินทรัพย์ทั้งหมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างการจัดสรรสินทรัพย์ประกันภัย

สำหรับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำนั้นเข้าใกล้ราคาเป้าหมายที่ให้ไว้เร็วกว่าที่คาด ทั้งนี้ วายแอลจีนยังคงเป้าหมายเดิม 3,000 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ไว้เป็น Base Case แต่หากโมเมนตัมทองคำยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง มองว่าจะมีโอกาสขึ้นทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 3,100 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ และทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ หากผ่าน 48,000 บาทต่อบาททองคำ จะมีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 50,000 บาทต่อบาททองคำ

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำถือว่าปรับตัวขึ้นมาแรงและเร็ว จึงแนะนำให้ระมัดระวังแรงเทขายทำกำไร โดยนักลงทุนที่มีทองอยู่ในมือสามารถแบ่งขายทำกำไรออกมาบางส่วนที่โซนแนวต้าน 2,975-3,000 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ขณะที่นักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อทองคำนั้น แนะนำให้หาจังหวะราคาทองคำย่อตัว บริเวณแนวรับแรก 2,895 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หากเอาไม่อยู่มองแนวรับสำคัญไว้ที่ระดับ 2,870 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

นอกจากนี้นักลงทุนยังมีอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนทองคำ ด้วยการเข้าลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส ที่สามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาดทั้งขาขึ้นและขาลง โดยล่าสุดวายแอลจีได้ออกโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีกับ YLG Futures รับสิทธิใช้งาน Trading View Essential Plan ที่จะมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า 5 ด้าน

1. กราฟและอินดิเคเตอร์ครบครัน รวมถึง Volume Profile
2. เครื่องมือวาดรูปและฟีเจอร์ทางเทคนิค
3. การแจ้งเตือนราคา
4. ไอเดียเทรดจากคอมมิวนิตี้
5. ไม่มีโฆษณาและอีกจำนวนมาก