คลังทิ้งไพ่เบรกแรงขาย LTF โยกเข้ากอง TESG-ชะลอมาร์เก็ตแคปวูบ

bank_Sell_LTF

“พิชัย” ประกาศเตรียมปรับปรุงกองทุน LTF มูลค่าคงค้าง 1.8 แสนล้าน โอนเข้า Thai ESG หวังนักลงทุนชะลอขาย ขณะที่ “บล.กสิกรไทย” ลุ้นมาตรการพยุงหุ้นปรับเกณฑ์ Thai ESG ลงหุ้นไทยทั้งหมด ฟาก “บล.เอเซีย พลัส” ชี้นักลงทุนแห่ขาย LTF ตั้งแต่ต้นปี ล่าสุดมาร์เก็ตแคปวูบหายแล้ว 1.6 ล้านล้าน ผลตอบแทน SET แย่กว่าประเทศถูกสหรัฐตั้งกำแพงภาษี

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมพิจารณาปรับปรุงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อให้นักลงทุนได้พิจารณาลงทุนได้ใหม่ หลังจาก LTF จัดตั้งมานานแล้ว และทยอยหมดอายุลง โดยการจัดตั้งกองทุนเดิมนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะใช้ประโยชน์ทางด้านภาษีและเป็นเงินออม และเวลานี้มีนักลงทุนทยอยขายออกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีผลขาดทุน

พิชัย ชุณหวชิร
พิชัย ชุณหวชิร

“หุ้นส่วนใหญ่ใน LTF เป็นหุ้นตัวใหญ่ เรามีนโยบายที่จะถ่ายโอน หรือมีการจัดตั้งให้มาอยู่ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thai ESG แทน ซึ่งยอดเวลานี้อยู่ที่ประมาณ 180,000 ล้านบาท จึงอยากให้นักลงทุนชะลอดูก่อนที่จะตัดสินใจขาย โดยความคืบหน้าของการปรับปรุงกองทุน LTF นั้น กำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาว่า จะให้ประโยชน์ต่อเนื่อง ระยะเวลา 5 ปี หรือมากกว่านั้น ซึ่งจะพิจารณาโดยเร็วที่สุด”

ก่อนหน้านี้ นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวน ซึ่ง ตลท.มีแนวคิดที่จะช่วยกระตุ้นตลาดทุน ทั้งระยะสั้นถึงระยะยาว โดยอยู่ระหว่างการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อหาแนวทางร่วมกัน

“เรากำลังปรึกษาพูดคุยทั้งกระทรวงการคลังและสมาคมที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ซึ่งกำลังพยายามเร่งอย่างเร็วที่สุด โดยเรื่องกองทุน LTF ทางกระทรวงการคลังได้มีการติดต่อมาเช่นกัน ว่ามีแนวคิดอย่างไร ซึ่งทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และหน่วยงานสมาคมต่าง ๆ ได้วิเคราะห์และหารือกัน เพื่อช่วยตลาดหุ้นไทยเต็มที่”

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ตลาดหุ้นในประเทศยังคงถูกกดดันจากแรงขาย LTF ซึ่งส่งผลกระทบไปยังหุ้น โดยเฉพาะตัวกลางและตัวเล็กที่มีการลดลงของราคาค่อนข้างมาก เนื่องจากสภาพคล่องมีการลดลงเช่นกัน ทำให้กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมเข้าพบ รมว.คลัง เพื่อรอหารือแผนกระตุ้นระยะสั้น ช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย โดยมีแนวโน้มที่จะเสนอให้กองทุน Thai ESG มีนโยบายลงทุนเฉพาะหุ้นไทยทั้งหมดเหมือนกอง LTF ที่ผ่านมา เพื่อช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ บล.กสิกรไทย คาดกลุ่มที่ยังคงแข็งแกร่งกว่าตลาดยังเป็นกลุ่มเดิมอย่าง Banking และ Telecom ซึ่งงบการเงินของ ADVANC ออกมาดีกว่าที่คาดเล็กน้อยเป็น Sentiment เชิงบวกให้กับ TRUE เช่นกัน แนวโน้มหุ้นที่มีกำไรในไตรมาส 4/2567 แข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตต่อในปี 2568 จะยังสามารถ Outperform ตลาดได้ในช่วงนี้

ฟาก บล.เอเซีย พลัส รายงานว่า SET Index เปราะบาง นับจากต้นปีถึงวันที่ 10 ก.พ. ปรับตัว -9.6% หรือ Market Cap หายไป 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับประเทศที่ถูกตั้งกำแพงภาษีโดยตรงอย่างจีน เม็กซิโก และแคนาดา กลับสวนทางคือสร้างผลตอบแทนเป็นบวกในปีนี้ทั้งสิ้น

ADVERTISMENT

ดังนั้น SET Index ที่ลงมาแรงและเร็ว อาจเกิดจากนักลงทุนกังวลต่อแรงขาย LTF ที่เร่งตัวออกมา สะท้อนได้จากข้อมูลสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) ยอด LTF ในเดือน ม.ค. 2568 ลดลง 3.14 หมื่นล้านบาท หรือ 14.5% เหลือ 1.88 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี (เฉลี่ย 10 ปี เดือน ม.ค. AUM (สินทรัพย์ภายใต้การจัดการ) ลดลง 8,000 ล้านบาท) ส่งผลให้นักลงทุนเทขาย LTF และนักลงทุนทั่วไปขายหุ้น รวมถึงนักลงทุนทั่วไปไม่กล้าซื้อหุ้น

บล.เอเซีย พลัส ระบุด้วยว่า อย่างไรก็ตาม หากพิจารณามูลค่า LTF ในปัจจุบันที่ 1.88 แสนล้านบาท ถือเป็นสัดส่วนเล็ก ๆ ของกองทุนรวมหุ้นไทยเท่านั้น ต่างกับปี 2562 ที่ LTF เคยมีมูลค่า AUM สูงถึง 4.16 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของกองทุนรวมหุ้นไทย แต่ปัจจุบันเหลือ 1.88 แสนล้านบาท มีสัดส่วนแค่ 16% เท่านั้น อีกทั้งมูลค่า LTF ในปัจจุบันที่ 1.88 แสนล้านบาท ยังเป็นสัดส่วนเล็ก ๆ ของเม็ดเงินที่หมุนเวียนใน SET หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.2% ของ Market Cap ของ SET ในปัจจุบัน

“แต่ความกังวลแรงขาย LTF ที่ 1.88 แสนล้านบาท ที่มีสัดส่วนเล็ก ๆ กับตลาด กลับเกิดความเสียหายกับตลาดหุ้นให้ Market Cap หายไปแล้วกว่า 1.6 ล้านล้านบาท สรุป SET Index ถูกกดดันจากปัจจัยในประเทศอย่างความกังวลการขาย LTF ซึ่งจริง ๆ แล้ว มีสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับ AUM ของกองทุนรวมหุ้นไทยทั้งหมด และเป็นสัดส่วนเล็ก ๆ ของเม็ดเงินที่หมุนเวียนในตลาด (Market Cap) ดังนั้นหากประเด็นดังกล่าวเริ่มผ่านไป SET Index จึงมีโอกาสกลับตัวได้ในอนาคต”