
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินหุ้นไทยวันนี้ การฟื้นตัวยังถูกจำกัด แนวต้าน 1,290 จุด แนวรับ 1,260 จุด นโยบายด้านภาษีทรัมป์ยังกดดันตลาด-เฟดยังไม่เร่งลดดอกเบี้ยเพิ่ม และเงินเฟ้อสหรัฐ ในเดือน ม.ค. ออกมาสูงกว่าคาด ทำให้คาด SET ยังฟื้นตัวจำกัด
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่า SET การฟื้นตัวยังถูกจำกัด นโยบายด้านภาษีศุลกากรของทรัมป์ยังกดดันตลาด ขณะที่เฟดยังไม่เร่งลดดอกเบี้ยเพิ่มตามถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อรัฐสภาสหรัฐ นอกจากนี้เงินเฟ้อสหรัฐในเดือน ม.ค. ออกมาสูงกว่าคาด ทำให้คาด SET การฟื้นตัวยังถูกจำกัดโดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1,290 และ 1,300 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,260-1,270 จุด
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวแต่ Upside จํากัด โดยมีแนวต้านสําคัญที่บริเวณ 1,320 จุด โดยแม้ปัจจัยต่างประเทศจะมีแรงหนุนจากการคลายความกังวลเรื่องสงครามการค้าระยะสั้นและผลประกอบการนอกกลุ่ม การเงินของ บจ.สหรัฐ ที่คาดยังออกมาแข็งแกร่ง
แต่ในประเทศยังขาดปัจจัยบวกใหม่กระตุ้นบรรยากาศลงทุน โดยคาดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะเริ่มมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยยัง Underperform ตลาดหุ้นทั่วโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนําให้ Selective Buy
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
CPI สหรัฐ ม.ค. ปรับขึ้น 3.0% YOY และ Core CPI ม.ค. 3.3% YOY สูงกว่าตลาดคาด ตอกย้ำสัญญาณของเฟดที่ไม่จำเป็นต้องรีบลดอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมาย
- ประธานเฟดเผยว่ามุ่งมั่นที่จะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลง และเฟดไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่เงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลง แต่ยังอยู่สูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ซึ่งทำให้เฟดไม่ต้องรีบผ่อนคลายนโยบายการเงิน
- นายกสมาคมโรงแรมไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่พักแรม ม.ค. พบว่าปี 2568 ธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่กังวลปัจจัยเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รองลงมาคือ ต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งค่าแรง ราคาพลังงาน และวัตถุดิบ ยังมีปัจจัยการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง
- กองทุนประกันสังคมปรับยุทธศาสตร์พอร์ตลงทุนครั้งใหญ่ เพิ่มลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงหลังผลตอบแทนพุ่ง สัดส่วนต่างประเทศเป็น 40% ในไทย 60% ตั้งเป้าผลตอบแทนปีนี้แตะ 5% สนใจลงทุนตลาดสหรัฐ-ยุโรป-ญี่ปุ่น ด้านหุ้นไทยเน้นปรับกลยุทธ์ซื้อมาขายไป
- รมว.คลังเผยคลังกำลังพิจารณานโยบายปรับปรุงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ว่าจัดตั้งใหม่หรือโอนนำ LTF ทั้งหมดที่ปัจจุบันมูลค่าประมาณ 1.8 แสน ลบ. มาตั้งเป็นอีกกองทุนที่อยู่ใน Thai ESG
- MSCI ประกาศผลทบทวนดัชนีรายไตรมาส มีผล ณ ราคาปิดวันที่ 28 ก.พ. 2568 โดย MSCI Global Standard ไม่มีหุ้นเข้าแต่ออก 2 หุ้น (PTTGC TOP) ส่วน MSCI Global Small Cap มีเข้า 4 และออก 11 หุ้น
- ปธน.ทรัมป์ได้หารือทางโทรศัพท์กับ ปธน. ปูติน และ ปธน. เซเลนสกี เกี่ยวกับการยุติสงคราม ทำให้ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมัน
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน
มอง SET มีโอกาสฟื้นตัวได้ แต่ Upside จำกัด มีแนวต้านสำคัญที่ 1,320 แนะนำลงทุนใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 2 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1.หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนกำไร 4Q67-1Q68 ที่คาดจะเติบโตดี YOY และ QOQ อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA TIDLOR MTC AU HTC
2.หุ้น Real Sector พื้นฐานดี ใน SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุนและมี Downside Risk จำกัดเนื่องจากมีจุดแข็ง 1) ปี 2568 คาดกำไรสามารถเติบโตได้ YOY 2) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง สภาพคล่องสูง มีโอกาสซื้อหุ้นคืน (มี PBV < 1 เท่า) 3) Valuation ไม่แพง ซื้อขาย PER และ PBV 2568F ต่ำกว่า -1SD และ 4) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาด Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อย 5% แนะนำ BCP AP PTT TU SPALI
3.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค เช่น Easy E-Receipt และแจกเงินหมื่นเฟส 2 แนะนำกลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO TNP) และกลุ่มท่องเที่ยว (MINT AWC ERW AOT)
4.Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดสัปดาห์หน้าจะประกาศงบ 4Q67 และกำไรเติบโต YOY และ QOQ แนะนำ AOT MINT และ 2) หุ้นที่คาดมีโอกาสเพิ่มอัตราจ่ายปันผล หรือ ซื้อหุ้นคืน เนื่องจากมี PBV ต่ำกว่า 1 เท่า และมีสภาพคล่องสูง เลือก PTT KBANK BBL KTB
หุ้นแนะนำวันนี้
AAV : มองช่วงสั้นมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมัน แม้ 4Q67 คาดจะมีผลขาดทุนสุทธิ 445 ลบ. จากการรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจำนวน 1.6 พัน ลบ. แต่หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวคาด 4Q67 จะมีกำไรปกติ 1.2 พัน ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY และเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 57 ลบ. ใน 3Q67
ADVANC : มองเป็นหุ้น Defensive ซึ่งกําไรเติบโตได้ต่อเนื่อง 1Q68 คาดกําไรยังเติบโตแข็งแกร่งทั้ง YOY และ QOQ หนุนให้ปี 2568 คาดมีกําไร 38.5 พัน ลบ. เติบโต 10.5% YOY อีกทั้งมองมีโอกาสเพิ่มกําไรจากการประมูลใบอนุญาตที่กําลังจะมาถึง นอกจากนี้มีเงินปันผลจ่ายจากกําไร 2H67 ที่ 5.74 บาท/หุ้น (XD 20 ก.พ.) คิดเป็น Div Yield 2%