ตะวันออกลีสซิ่ง ชี้ตลาดเช่าซื้อปี’68 ยังเหนื่อย เข้มปล่อยกู้รุก ‘Car for Cash’

ดนุชา วีระพงษ์
ดนุชา วีระพงษ์

บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง หรือ ECL มองธุรกิจเช่าซื้อปี’68 ยังเหนื่อย หลังยอดขายรถยนต์ต่ำสุดในรอบ 15 ปี ชี้เข้มปล่อยสินเชื่อ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 3 พันล้านบาท พร้อมหันรุกตลาด Car for Cash ชูดอกเบี้ยต่ำแข่ง เล็งตัดขายหนี้เสียกดเอ็นพีแอลเหลือ 6-7% ล่าสุด ผนึกหุ้นส่วนธุรกิจ GMT ในเครือ ITOCHU และ PREMIUM

นายดนุชา วีระพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ECL กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อในปี 2568 ถือว่ายังค่อนข้างลำบาก จะเห็นว่าในปี 2567 ยอดขายอยู่ที่ 5 แสนคัน ต่ำสุดในรอบ 15 ปี ส่วนหนึ่งมาจากสถาบันการเงินให้ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เช่นเดียวกับบริษัท ECL ได้ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และเครดิตของผู้กู้ที่ด้อยลง

ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 7,000-8,000 ล้านบาท และตั้งเป้าภายใน 3 ปี ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มเป็น 4,500 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้างจะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสัดส่วนพอร์ตปัจจุบันจะแบ่งเป็นสินเชื่อรถยนต์ 40% และรถจักรยานยนต์ 60%

โดยแผนในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทจะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ “รถแลกเงิน” หรือ “Car for Cash” เพิ่มขึ้น จากทดลองทำมาแล้ว 1 ปี มียอดสินเชื่ออยู่ที่ 40-50 ล้านบาท มีฐานลูกค้า 200 ราย ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเพิ่มสินเชื่อเป็น 100 ล้านบาท และมีลูกค้าเพิ่มเป็น 300 ราย ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นฐานลูกค้าเก่าเป็นหลัก และบริษัทสามารถแข่งขันได้ เพราะคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำเฉลี่ย 12-14% จากตลาดที่คิดดอกเบี้ยเฉลี่ย 17-18%

นอกจากนี้ จะเห็นว่าสินเชื่อ “Car for Cash” ประเภทนี้ค่อนข้างมีคุณภาพ เพราะรถยนต์ปลอดภาระแล้ว ทำให้พอร์ตนี้ไม่มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เลย เมื่อเทียบกับพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อหนี้เสียอยู่ที่ราว 8% ส่วนหนึ่งที่เอ็นพีแอลค่อนข้างสูง มาจากยอดสินเชื่อที่ปล่อยน้อยลง ทำใหัหนี้เสียเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งในปีนี้บริษัทจะมีการตัดขายหนี้ คาดว่าจะทำให้หนี้เอ็นพีแอลน่าจะปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6-7%

ADVERTISMENT

“ตัวเลขหนี้เสียที่สูงไม่ใช่เฉพาะบริษัท ECL แต่เป็นทั้งระบบ ซึ่งจะเห็นว่ายอดขายต่ำสุดในรอบ 15 ปี จากเดิมเราปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยเดือนละ 200-300 ล้านบาท เหลือ 150 ล้านบาท แต่การพิจารณาเข้มงวด ทำให้เราได้ลูกค้าคุณภาพมากยิ่งขึ้น และหลังเราได้รับเงินทุน และเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ GMT บริษัทในเครือ ITOCHU Corporation จากประเทศญี่ปุ่น และพรีเมียม คอร์ปอเรชั่น (PREMIUM) ผนึกองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจและฐานทุนที่แข็งแกร่งทำธุรกิจเช่าซื้อในประเทศไทยได้ดีขึ้น“

นายยาสุฮิโตะ คาวะอุจิโนะ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจการเงินและประกัน บริษัท อิโตชู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ITOCHU Corporation) เปิดเผยว่า กลุ่มอิโตชูฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ บมจ.ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง ภายหลังบริษัท จีอาร์ แมนเนจเมนท์ (ไทยแลนด์) หรือ GMT ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออิโตชู คอร์ปอเรชั่น เข้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ บมจ.ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง รวม 417.8 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.30 บาท รวมเป็นมูลค่ากว่า 543.14 ล้านบาท เพื่อขยายเครือข่ายธุรกิจในการดำเนินธุรกิจการเงินและสินเชื่อในประเทศไทย

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ มองเห็นศักยภาพการเติบโตของบริษัทและมีแนวทางการดำเนินงานสอดคล้องร่วมกัน โดยการลงทุนครั้งนี้ อิโตชูฯ จะใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในธุรกิจการเงินและประกันภัยภายในประเทศไทยให้เกิดประโยชน์พร้อมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายบริษัทในเครือของบริษัท เพื่อสนับสนุนการขยายขอบเขตธุรกิจของ บมจ.ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง ให้มีศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขันในธุรกิจสินเชื่อยานยนต์มือสองในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

นายโยอิจิ ชิบะตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ PREMIUM Group กล่าวว่า กลุ่มพรีเมียม คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินและรับประกันรถยนต์แบบครบวงจร มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ บมจ.ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง ซึ่งเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจภายหลังได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

โดยจากการเข้ามาลงทุนในบริษัทตั้งแต่ปี 2559 ที่ผ่านมา จากการนำจุดแข็งการให้บริการด้านยานยนต์แบบครบวงจร ตั้งแต่ ธุรกิจไฟแนนซ์ (Auto Credit) ธุรกิจรับประกันความเสียหายของรถยนต์ (Warranty Service) และธุรกิจบริการด้านยานยนต์ (Automobility Service) ที่มีประสบการณ์มายาวนาน ตลอดจนมีเครือข่ายพันธมิตรกับสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น อย่าง Sumitomo Mitsui Banking Corporation เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำต่อยอดสู่การขยายธุรกิจให้การดำเนินงานของ ECL เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

โดยพอร์ตสินเชื่อรวมจึงขยายตัวจาก 1,826.25 ล้านบาทในปี 2558 เพิ่มเป็น 4,924.42 ล้านบาท (ณ 30 กันยายน 2567) ดังนั้น กลุ่มพรีเมียมฯ จึงสนใจเข้าลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุนในจำนวน 137.8 ล้านหุ้น คิดเป็นจำนวน 179.14 ล้านบาท เพื่อรักษาสัดส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ และการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาระบบปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการคัดกรองสินเชื่อ และทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและขยายรายได้จากธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ของ บมจ.ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง ต่อไป