หนทางสู่ความได้เปรียบของ SMEs ด้วย Data-Driven Mindset

คอลัมน์ : Smart SMEs
ผู้เขียน : finbiz by ttb

ในยุคที่ข้อมูลเปรียบเสมือน “น้ำมันดิบ” ของธุรกิจ ความสามารถในการขับเคลื่อนองค์กรด้วย Data-Driven Strategy กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่แยกผู้นำออกจากผู้ตาม เพราะความสำเร็จไม่ได้มาจากแค่การสะสมหรือใช้ข้อมูลเท่านั้น แต่มาจากการมองเห็นโอกาสและเข้าใจลูกค้าผ่านการวิเคราะห์เชิงลึก ซึ่งแตกต่างจากการตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณแบบเดิม ๆ นี่คือแก่นแท้ของ Data-Driven Mindset ที่ทุกธุรกิจควรมี

finbiz by ttb จะพามาดูความได้เปรียบ และยกตัวอย่างจากการใช้ Data-Driven Mindset กัน

1.การรู้ลึก สร้างโอกาสได้ไม่รู้จบ

การวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อซ้ำและสร้างโปรไฟล์ลูกค้าเฉพาะราย จะช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนการตลาดแบบหว่านแหไปเป็นการยิงตรง เช่น ร้านชากาแฟใช้ข้อมูลแค่การซื้อ “รสชาติเดิมทุกครั้ง” แล้วเสนอเมนูพิเศษที่ใกล้เคียง เพิ่มโอกาสปิดการขายแบบไม่ต้องทุ่มโปรโมชั่นมากมายที่อาจไม่ตรงจุด เพราะการใช้ข้อมูลในมุมเชิงรุก ช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกได้รับ “ประสบการณ์ส่วนตัว” ส่งผลต่อความจงรักภักดีต่อสินค้าในระยะยาว

2.การรู้จักตลาด เทียบเท่าการรู้ใจลูกค้า

ธุรกิจที่เข้าใจว่าเทรนด์อะไรกำลังมาในอนาคต สามารถก้าวนำคู่แข่งได้เสมอ อย่างเช่น แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ลงทุนกับการสร้างอัลกอริทึมแนะนำเนื้อหาส่วนบุคคล ซึ่งทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่า “เหมือนรู้ใจ” เพราะใช้ข้อมูลอินไซต์การดูซ้ำและพฤติกรรมการเปลี่ยนใจ แนวโน้มของลักษณะที่จะเปลี่ยนใจไปหาสิ่งอื่น ๆ หรือสิ่งที่มีความเชื่อมโยงกัน การใช้ข้อมูลให้ “ทำนายอนาคต” ซึ่งมาจากการวิเคราะห์ผลที่เกิดขึ้นในอดีต จะพลิกธุรกิจจากการตามตลาดไปเป็นผู้นำเกม และสามารถชี้นำตลาดได้

ADVERTISMENT

3.การใช้ข้อมูลดิบ ไปสู่ประสบการณ์ที่ออกแบบได้

เคล็ดลับที่หลายคนมองข้ามคือ การไม่แค่ “เก็บ” ข้อมูล แต่เปลี่ยนให้เป็นเครื่องมือออกแบบประสบการณ์ลูกค้าที่มีคุณค่า เช่น ร้านค้าออนไลน์ที่ปรับหน้าตาเว็บไซต์ให้เหมาะกับช่วงเวลาที่ลูกค้ามักเข้าใช้งานบ่อยที่สุด ช่วยเพิ่มยอดสั่งซื้อโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์เลย การใช้ Data-Driven Mindset ไม่ใช่แค่การวิเคราะห์ตัวเลข

ADVERTISMENT

แต่เป็นการปลูกฝังการตีความหมายที่ซ่อนอยู่จากข้อมูล แล้วสร้างการเชื่อมต่อระหว่างธุรกิจกับลูกค้าให้ลึกซึ้งกว่าเดิม ถ้าธุรกิจเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง จะไม่ได้เป็นการแค่ทำให้ลูกค้าซื้อของ แต่จะทำให้ลูกค้าหวนกลับมาหาซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบไม่รู้เบื่อ เหมือนเป็นการกลับมาหาคนที่รู้ใจ และยังเป็นคนที่พร้อมจะแนะนำสิ่งที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ได้อีกด้วย

Data-Driven เอสเอ็มอีก็ทำได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง

การใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอาจดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงต้นทุนในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล แต่ในยุคนี้การใช้ข้อมูลไม่จำเป็นต้องลงทุนมากเสมอไป หากเริ่มต้นจากเครื่องมือที่เหมาะสมและคิดอย่างชาญฉลาด

1.ใช้ข้อมูลใกล้ตัวให้เป็นประโยชน์

SMEs สามารถเริ่มจากข้อมูลที่เก็บได้ง่าย และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น

-บันทึกยอดขายรายวัน เพื่อดูเทรนด์สินค้ายอดนิยม

-สำรวจคำถามจากลูกค้า ที่ถามบ่อย ๆ เพื่อดูว่าความต้องการหรือปัญหาเกิดขึ้นในจุดไหน

-บันทึกช่วงเวลาที่มีคนเข้าร้านมากที่สุด เพื่อจัดการทรัพยากรให้เหมาะสม

2.ใช้เครื่องมือหรือระบบอัตโนมัติที่มีอยู่

การใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook หรือ Instagram มีข้อมูลเชิงลึก (Insights) ให้ผู้ประกอบการดูพฤติกรรมของลูกค้า เช่น ช่วงเวลาที่มีปฏิสัมพันธ์สูงสุด หรือประเภทคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยม จะสามารถยิงโฆษณาสินค้าที่ถูกต้องตรงใจผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมายได้มากขึ้น

3.เริ่มเก็บข้อมูลอย่างมีระบบจากจุดเล็ก ๆ

เมื่อเริ่มเห็นคุณค่าของข้อมูลแล้ว ลองพัฒนาไปอีกขั้นด้วยการวางแผนเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในระยะยาว เพราะปัจจุบันธนาคารก็มีฟีเจอร์ที่ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าได้ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เข้าถึงได้ง่ายและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

โดยจะวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าผ่านรายการการชำระเงินที่ลูกค้ามีการจับจ่ายกับร้านค้านั่นเอง จึงสามารถวิเคราะห์ได้ว่าลูกค้ามีแนวโน้มซื้อของเวลาไหน ชนิดใด ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้สามารถปรับโปรโมชั่นและสินค้าให้ตรงใจลูกค้าได้ โดยไม่ต้องเสียทรัพยากรและค่าใช้จ่ายในการจดบันทึกหรือจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติม

สรุปได้ว่า “Data-Driven Business” ไม่ใช่แค่เรื่องของทุนใหญ่ แต่เป็นเรื่องของการใช้เครื่องมือให้ถูกที่ ถูกเวลา ถ้าผู้ประกอบการมีตัวช่วยที่ใช้ง่ายและไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอย่าง ttb smart shop เครื่องมือจากธนาคารที่สามารถเข้าถึงได้ไม่ยาก ก็ได้เวลาที่จะเริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่วันนี้ เพื่อเป็นรากฐานให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนได้