SCB ควักเงิน 2.8 หมื่นล้าน ปันผลอีก 8.44 บาท/หุ้น รวมปันผลปี’67 ที่ 10.44 บาท/หุ้น

เอสซีบี เอกซ์ บอร์ดไฟเขียว ควักเงิน 28,418 ล้านบาท จ่ายปันผลอีก 8.44 บาท/หุ้น รวมปี 2567 จ่ายปันผลไปทั้งหมด 35,153 ล้านบาท ในอัตราหุ้นละ 10.44 บาท กำหนดจ่าย 2 พ.ค. 68 พร้อมจัดสรรกำไรที่เหลือ 8,790 ล้านบาท เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 เพิ่มกรรมการใหม่อีก 1 ราย เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น 4 เม.ย. 68

นางศิริบรรจง อุทโยภาศ เลขานุการบริษัท บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าบริษัทขอเรียนว่าในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 คณะกรรมการบริษัทได้มีมติกำหนดวันประชุมและระเบียบวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 4 เมษายน 2567 เวลา 14.00 น. โดยเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตามพระราชกำหนดว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563 และกฎหมายและกฎระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีวาระเสนอสำคัญประกอบด้วย

1.เห็นควรให้นำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2567 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 10.44 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 35,153 ล้านบาท โดยที่บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 ในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท รวมเป็นเงิน 6,734 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในครั้งนี้อีกหุ้นละ 8.44 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 28,418 ล้านบาท

โดยจ่ายจากกำไรที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 20% ซึ่งผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถขอเครดิตภาษีเงินปันผลคืนได้ในอัตรา 20/80 ของเงินปันผลที่ได้รับ

โดยการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้จ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของบริษัท ตามที่ปรากฏรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 (Record Date) ในวันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568

ทั้งนี้ การจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในปี 2567 รวมในอัตราหุ้นละ 10.44 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 35,153 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 80% ของกำไรสุทธิสำหรับปี 2567 ตามงบการเงินรวม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท

นอกจากนี้ คณะกรรมการได้มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิสำหรับปี 2567 ที่เหลือจากการจ่ายเงินปันผลข้างต้นจำนวน 8,790 ล้านบาท เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Common Equity Tier 1 Capital: CET1) ซึ่งจะทำให้เงินกองทุนทั้งสิ้นของบริษัท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 มีจำนวนประมาณ 462,155 ล้านบาท คิดเป็น 18.86% ของประมาณการสินทรัพย์เสี่ยง และเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของมีจำนวนประมาณ 433,415 ล้านบาท คิดเป็น 17.69% ของประมาณการสินทรัพย์เสี่ยง

และ 2.เสนอพิจารณาเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ และกรรมการที่ลาออก โดยคณะกรรมการ (โดยกรรมการที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้เข้าร่วมประชุมและพิจารณาในเรื่องที่ตนมีส่วนเกี่ยวข้อง) พิจารณาแล้วเห็นชอบกับกระบวนการกลั่นกรองและข้อเสนอของคณะกรรมการสรรหา ค่าตอบแทน และบรรษัทภิบาล ว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นสมควรเลือกตั้งกรรมการที่จะพ้นจากตำแหน่งตามวาระในปี 2568 จำนวน 5 คน

ได้แก่ 1) นายประสัณห์ เชื้อพานิช 2) นางสาวกุลยา ตันติเตมิท 3) นายกานต์ ตระกูลฮุน 4) นางกุลภัทรา สิโรดม และ 5) นายวิรไท สันติประภพ กลับเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการต่ออีกวาระหนึ่ง และแต่งตั้งกรรมการใหม่ 1 คน คือ นายคมกฤช เกียรติดุริยกุล เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ แทนตำแหน่งที่ว่างจากการลาออกของกรรมการ (นายทวีศักดิ์ กออนันตกุล ลาออกเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566) เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 6 คน

3.คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นควรเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาการยกเลิกวงเงินการออกและเสนอขายตราสารหนี้คงเหลือตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 1/2566 จำนวน 15,800 ล้านบาท และอนุมัติการออกและเสนอขายตราสารหนี้ รวมวงเงินไม่เกิน 150,000 ล้านบาท หรือเทียบเท่าในเงินสกุลอื่น ทั้งนี้ ตราสารหนี้ที่บริษัทออกจำหน่ายแล้วในขณะใดขณะหนึ่งจะต้องมีจำนวนเงินไม่เกินวงเงินดังกล่าว