‘เผ่าภูมิ’ มองเศรษฐกิจไทยทิศทางขาขึ้น ปี’68 GDP โต 3%

นายเผ่าภูมิ  โรจนสกุล

รมช.คลัง บอกโมเมนตั้มเศรษฐกิจไทยทิศทางขาขึ้น ปี’68 เร่ง GDP ให้โตกว่า 3% มั่นใจรัฐบาลจะเลือกเครื่องมือกระตุ้นที่คุ้มและถูกเวลา 

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” ตอบคำถามและให้คำอธิบายถึงตัวเลขการเติบโตของ GDP ไทย ภายหลัง “สภาพัฒน์” แถลง GDP ปี’67 ทั้งปีขยายตัว 2.5% ขณะที่ปี’68 คาดการณ์ค่ากลางไว้ที่ 2.8%

เผ่าภูมิระบุว่า ในภาพรวมเราบอกได้ว่า “โมเมนตั้มทางเศรษฐกิจกำลังที่มีทิศทางขาขึ้น” เมื่อมองเป็นรายไตรมาสตั้งแต่ 1-4 ในปี’67

• ไตรมาสที่ 1 = 1.7%
• ไตรมาสที่ 2 = 2.3%
• ไตรมาสที่ 3 = 3.0%
• ไตรมาสที่ 4 = 3.2%

เมื่อโฟกัสไปที่ไตรมาส 4 เราพบว่า 3.2% เป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 ไตรมาสย้อนหลัง หรือราว 2 ปีกว่า จากหลากหลายปัจจัย ทั้งมาตรการการเงิน การคลัง การบริหาร รวมถึงโครงการแจกเงิน 10,000 บาทเฟสแรก

เมื่อมองในภาพเล็กลงมาในไตรมาส 4 เราพบว่าแต่ละภาคส่วนล้วนเติบโตในเชิงบวก

ADVERTISMENT

• การลงทุนภาครัฐเติบโตมาประมาณ 40% สูงสุดรอบ 36 ไตรมาส หรือ 9 ปี
• ภาคการส่งออกเติบโต 11.5% สูงสุดรอบ 11 ไตรมาส
• ภาคบริการเติบโต 4.7% สูงสุดรอบ 7 ไตรมาส
• ภาคการก่อสร้างเติบโต 18.3% สูงสุดรอบ 36 ไตรมาส
• ภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโต 1.8 สูงสุดรอบ 6 ไตรมาส

มีปัญหาอยู่บ้างในภาคการผลิต เช่น เรื่องยานยนต์ที่ปัญหาใหญ่อยู่ในตลาดรถกระบะ

ADVERTISMENT

เขาระบุว่า ช่วงต้นปี’67 มีการคาดการณ์ GDP จากหลายสำนัก บางสำนักบอกว่าเราจะเติบโต 2.1% แต่ในที่สุดเราก็ทำได้ 2.5% ทั้งที่มีปัญหารุมเร้ามาก ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้าถึง 7 เดือน ทำให้ช่วงไตรมาส 1-2 แทบไม่มีเงินลงไปในการบริหารประเทศเลย จนกระทบกับภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะเอกชนที่ทำงานร่วมกันกับรัฐ

นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยเรื่องการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แม้จะเป็นพรรคเดียวกัน แต่รอยต่อในเชิงระบบราชการมีปัญหา

ปี’68 โต 3% +

เผ่าภูมิกล่าวอย่างมั่นใจว่า ปี’68 รัฐบาลตั้งเป้า GDP จะเติบโตได้มากกว่า 3% โดยคาดการณ์ว่า

• ไตรมาสที่ 1 = 3.4%
• ไตรมาสที่ 2 = 3.0%
• ไตรมาสที่ 3 = 2.7%
• ไตรมาส 4 ยังอยู่ระหว่างประเมิน

โดยสรุปเขาบอกว่า ปี’68 มีหลายปัจจัยที่ผ่อนคลายกว่าปี’67 โดยเฉพาะการเบิกจ่ายเรื่องงบประมาณภาครัฐ และโอกาสจากการดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศผ่านโครงการต่าง ๆ รวมถึงมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถเลือกใช้เครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐกิจได้เหมาะสมกับทิศทางและสถานการณ์ตามช่วงเวลา

“งบประมาณมีจำกัด เพราะฉะนั้นต้องใช้กระสุนให้คุ้มและถูกเวลาที่สุด”

เขาบอกสิ่งสำคัญเวลาคือ ต้องพยายามรักษาโมเมนตั้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ นั่นเป็นเหตุผลที่ “ดิจิทัลวอลเลต” ถูกปรับเปลี่ยนแทนการใส่เม็ดเงินลงไปครั้งเดียว

“โจทย์ของการบริหารประเทศครั้งนี้คือการรักษาโมเมนตั้ม”

เมื่อถูกถามว่า ไม่เป็นพายุลูกใหญ่ทีเดียวแล้วถูกต้องหรือไม่ เพราะปรับไปตามสถานการณ์เมื่อมีการฟื้นฟูขึ้นมา ?

เผ่าภูมิตอบว่าใช่ ตัวเลขทุกตัวบ่งบอกว่าทิศทางดีขึ้นมากจากวันแรก