
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO คาดหารือกระทรวงการคลังต้น มี.ค.นี้ หลังเสนอโยกกองทุน LTF ไปกองทุนใหม่ Thai ESG 2 ชี้สิทธิประโยชน์ทางภาษีต้องจูงใจ-ปรับพอร์ตลงทุนในหุ้นเกิน 50% ช่วยสกัดแรงเทขายเหลือ 5-6 พันล้านบาท พร้อมเสนอมาตรการระยะกลาง-ยาว สร้างความยั่งยืนให้ตลาดหุ้นไทย
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา FETCO ได้มีการประชุมร่วมกับสมาชิก 7 องค์กร ซึ่งมีการพูดคุยและตกผลึกหลายเรื่อง เพื่อเตรียมเสนอวาระต่าง ๆ ให้กระทรวงการคลังพิจารณา ขณะเดียวกันได้มีทีมงานได้เข้าไปพูดคุยกับหน่วยงานต่าง ๆ เบื้องต้น เช่น กรมสรรพากร เพื่อเสนอข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งคาดว่าในช่วงต้นมีนาคม 2568 จะได้เข้าพบรัฐมนตรีคลัง
ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดเรื่องของกองทุนภาษีในส่วนของ LTF จะเห็นว่ามียอดคงค้างเยอะพอสมควรอยู่ที่ 1.8 แสนล้านบาท และเห็นการทยอยขาย เนื่องจากครบกำหนดอายุ และตลาดหุ้นลงแรง และต้องการไปซื้อกองทุนใหม่เพื่อลดหย่อนภาษี ซึ่งกดดันตลาดหุ้นต่อเนื่องลงมาเหลือ 1,200 จุด โดยจะเห็นว่านับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมียอดเทขาย LTF แล้วกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท ดังนั้นจึงต้องหามาตรการหยุดเลือดไหลดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาภาครัฐมีข้อสรุปให้นักลงทุนที่ถือ LTF โยกเงินเข้ากองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน 2 (Thai ESG 2) ซึ่งอาจจะต้องมีการพูดคุยถึงความชัดเจนในเรื่องสิทธิทางภาษีที่นักลงทุนจะได้รับที่มีความจูงใจให้นักลงทุนโยกเงินเข้า Thai ESG 2 และยอดการซื้อใหม่ เนื่องจากหากให้แรงจูงใจน้อยไปอาจจะยังเห็นแรงเทขายได้
ซึ่งตรงนี้จะต้องให้คลังพิจารณาในจุดที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องทำครบทุกบาททุกสตางค์ แต่ต้องอยู่ในจุดที่ทำให้คนไม่กระทบเยอะ และการให้ต้องสม่ำเสมอ จึงอยากให้เหมือน Thai ESG ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อลดความสับสน และการถือครองต้องไปควรเกิน 7 ปีปฎิทิน เพื่อสร้างวินัย และไม่ก่อให้เกิดปัญหาเดิมอีก
นอกจากนี้ ในอนาคตต้องการให้ปรับสัดส่วนการลงทุนใน Thai ESG 2 ให้มีการลงทุนหุ้นไทยล้วน มีสัดส่วนการลงทุนอย่างน้อยมากกว่า 50% รวมถึงให้ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอื่นได้ เช่น ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงสามารถไปลงทุนในพันธบัตร (Bond) เพื่อลดความเสี่ยงให้กับกองทุนไทย แต่โดยรวมเฉลี่ยทั้งปีกองทุนจะต้องลงทุนในหุ้นอยู่ที่ 50-60% เพื่อให้พอร์ตมีความเสถียรภาพ
“ตอนนี้คลังน่าจะมีข้อมูลหมดแล้วในส่วนของผู้ถือกองทุน LTF รายตัว วงเงินเท่าไร ซึ่งมีทีมสมาชิก FETCO ไปพูดคุยกัยทีมงานคลังแล้ว อย่างไรก็ดี ก่อนจะมีการเข้าพบรัฐมนตรีคลัง เราจะมีการประชุมทีมสมาชิกก่อน 1 สัปดาห์ เพื่อเตรียมข้อเสนอทั้งหมด
โดยเราคาดว่ามาตรการที่เสนอจะช่วยลดแรงขาย LTF ลดลงเหลือเฉลี่ยที่ 5,000-6,000 ล้านบาท รวมถึงทำมาตรการอื่น ๆ รวมด้วย เหมือนการให้ยาต้องใช้หลายตัว ถ้าใช้ตัวเดียวจะแพง ทั้งมาตรการระยะกลางและยาว เช่น มาตรการยกระดับตลาดหุ้น หาเซ็กเตอร์ใหม่ที่จะช่วยหนุนมาร์เก็ตแคป”