แบงก์กรุงเทพตั้งเป้าปี’68 สินเชื่อโต 3-4% รายใหญ่-ต่างประเทศขยายตัวดี

Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ

ธนาคารกรุงเทพตั้งเป้าสินเชื่อปี 2568 ขยายตัว 3-4% รุกธุรกิจรายใหญ่-ต่างประเทศ หลังมีดีมานด์ความต้องการลงทุน-จีดีพีโตสวนทางในประเทศ หนี้เสียรักษาที่ 3% ด้านเอสเอ็มอีเติบโต 1-2% ชี้กลุ่มบริการ-ท่องเที่ยวยังโต

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตอยู่ที่ 3-4% จากปี 2567 ขยายตัวอยู่ที่ 0.8% โดยสินเชื่อที่ยังขยายตัวได้ดีและเป็นสินเชื่อที่ธนาคารมุ่งเน้น จะเป็นสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อต่างประเทศ เนื่องจากธนาคารเห็นดีมานด์ความต้องการของลูกค้า และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจต่างประเทศ

โดยธนาคารตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อขนาดใหญ่ 3-5% และสินเชื่อต่างประเทศอยู่ที่ 3-5% (รวมเพอร์มาตา อินโดนีเซีย) ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ตั้งเป้าเติบโต 1-2% รวมถึงสินเชื่อผู้บริโภคอยู่ที่ 1-2%

ทั้งนี้ ภาพรวมจะเห็นว่าสินเชื่อไม่ได้ติดลบ เนื่องจากธนาคารมีการกระจายธุรกิจและสาขาในต่างประเทศ ส่งผลให้สินเชื่อธนาคารยังคงเติบโต แม้ว่าภายในประเทศจะชะลอตัว ทำให้ความต้องการสินเชื่อในประเทศลดลง ทั้งจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจชะลอ มีสัญญาณของการปิดโรงงาน ปัญหาซัพพลายเชน และผู้บริโภคไม่เติบโตสอดคล้องกับยอดขายสินค้าคงทนลดลง

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในปี 2568 ธนาคารคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับ 3% อย่างไรก็ดี ตัวเลขเอ็นพีแอลระหว่างปีอาจมีการปรับขึ้นหรือลดลงได้ โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น แต่อยู่โดยรวมอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้

“สินเชื่อภาพรวมคงโตไม่เยอะมาก 3-4% แต่เราจะโฟกัสรายใหญ่และต่างประเทศ เพราะเราจะเห็นว่าจีดีพีต่างประเทศโตค่อนข้างดี เช่น อินโดนีเซีย 5% ฟิลิปปินส์ 6% ซึ่งโตดีกว่าในไทยที่เราคาดจะโตเพียง 2.5-3% เท่านั้น”

ADVERTISMENT

นายศิริเดช เอื้องอุดมสิน รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในปี 2568 น่าจะขยายตัวราว 1-2% โดยกลุ่มธุรกิจที่ยังเติบโตได้ดี คือ กลุ่มบริการ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงกลุ่มที่ต้องการปรับตัวธุรกิจ (Transformation) โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาความต้องการยังทรงตัวอยู่

“ตอนนี้เศรษฐกิจมีความผันผวน เรายังต้องติดตามว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาได้แค่ไหน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ล้วนเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม”

ADVERTISMENT