
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินหุ้นไทย อัพไซด์จำกัด โดยทรัมป์เตรียมขึ้นภาษีรถยนต์, ยา และชิป ในวันที่ 2 เม.ย. สร้างความกังวลต่อการค้าโลกต่อเนื่อง กดดันตลาดหุ้นสหรัฐ คาดจะกดดันดัชนี แต่ SET ลงใกล้แนวรับที่เป็นจุดลุ้นฟื้นตัวบริเวณแนวรับ 1,237 จุด แนวต้าน 1,255 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่า ทรัมป์เตรียมขึ้นภาษีรถยนต์, ยา และชิป ในวันที่ 2 เม.ย. สร้างความกังวลต่อการค้าโลกต่อเนื่อง และกดดันตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงในวันศุกร์ที่ผ่านมา คาดจะกดดันดัชนี อย่างไรก็ตาม SET ลงมาใกล้แนวรับที่เป็นจุดลุ้นฟื้นตัวบริเวณแนวรับ 1,237 และ 1,230 จุด ตามลำดับ ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1,255 และ 1,265 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อภาพการฟื้นตัว
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวแต่ Upside จํากัด โดยมีแนวต้านที่บริเวณ 1,300 จุด ประเมินว่าปัจจัยมหภาคจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยเป็นผลจากดัชนี PCE มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างช้า ๆ ขณะที่ ธปท.ยังคงมุมมองที่จะคงดอกเบี้ยที่ 2.25% ซึ่งตลาดรับรู้และสะท้อนในราคาแล้วระดับหนึ่ง
นอกจากนั้นแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 น่าจะบ่งชี้ว่ากำไรของตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้วในช่วง 2H67 ทำให้เรามองว่า กระแสเงินจากต่างชาติมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น รวมไปถึงมาตรการของ ตลท. ต่อการสร้างความเชื่อมั่นน่าจะช่วยให้ตลาดคลายความกังวล
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
WorldBank ประเมินเงินหมื่นเฟสหนึ่งอาจช่วยกระตุ้น GDP ปี 2567 ได้เพียง 0.3% เทียบกับงบฯที่ใช้ไปถึง 1.45 แสนล้านบาท หรือ 0.8% ของ GDP และมอง GDP ปี 2568 จะเติบโต 2.9% หนุนจากการท่องเที่ยวและบริโภคเอกชน แต่ยังฟื้นตัวช้าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน
• IMF เห็นด้วยกับการลดดอกเบี้ยของ ธปท. เมื่อ ต.ค. 2567 และแนะนำ ธปท. พิจารณาลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม เพื่อหนุนเงินเฟ้อและความสามารถชำระหนี้ และคงประมาณการ GDP ไทยปี 2568 ที่ 2.9%
• สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.พ. โดย ม.มิชิแกนลดลงสู่ 64.7 ต่ำกว่าตลาดคาด ส่วนคาดการณ์เงินเฟ้อในอีก 1 ปี และ 5 ปีข้างหน้าใน ก.พ. ปรับเพิ่มขึ้นสู่ 4.3% และ 3.5% ตามลำดับ หนุนจากผลกระทบต่อมาตรการด้านภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์
• PMI การผลิตเบื้องต้นสหรัฐ ก.พ. ปรับขึ้นสู่ 51.6 สูงสุดในรอบ 8 เดือน PMI ภาคบริการเบื้องต้นปรับลงสู่ 49.7 ต่ำสุดในรอบ 25 เดือน
• สำนักข่าว RIA ของรัฐบาลรัสเซียรายงานว่า การประชุมเพื่อยุติสงครามยูเครนครั้งที่สองระหว่างรัสเซียและสหรัฐจะถูกจัดขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ในประเทศตัวกลาง แต่ไม่ระบุว่าจะมีประเทศใดเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
• รมช.คลังหารือกับ Head of ASEAN Region ของ SWIFT ถึงการพัฒนาระบบการโอนและชำระเงินระหว่างประเทศ ชวนตั้งศูนย์ปฏิบัติการและโครงการ SWIFT-GPI ดันไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน
• รมว.แรงงานเผย กองทุน ปกส.เติบโตเกินเป้าหมายที่ 5.34% ในปี 2567 และตั้งเป้าผลตอบแทน 8% โดยเสนอเลิกความคิดเก่า ๆ เช่น การท้วงติงการลงทุนในหรือนอกตลาด แนะเปิดความคิดใหม่ ๆ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน
มอง SET มีโอกาสฟื้นตัว แต่ Upside จำกัด มีแนวต้านสำคัญที่ 1,300 จุด แนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 2 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1.หุ้น Earnings Play ที่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนกำไร 4Q67-1Q68 ที่คาดจะเติบโตดี และมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA TIDLOR MTC AU HTC
2.หุ้น Undervalued สำหรับลงทุน คัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุนและมี Downside Risk จำกัด เนื่องจากมีจุดแข็ง ดังนี้ 1) ปี 2568 คาดกำไรมั่นคงและเติบโตได้ YOY 2) ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมองมีโอกาสซื้อหุ้นคืน (PBV < 1) 3) Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 2568F ต่ำกว่า -1SD) และ 4) ศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ (คาด Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อย 5%) พบมี 5 หุ้น BCP AP PTT TU SPALI
3.หุ้น Dividend Play สำหรับนักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP KTB BBL PTT
4.Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดสัปดาห์หน้าจะประกาศงบ 4Q67 กำไรเติบโต YOY และ QOQ แนะนำ CPALL HMPRO BTG ERW AU KLINIQ และ 2) หุ้นคาดได้อานิสงส์เงินไหลเข้าจาก MSCI Rebalance มีผลราคาปิดวันที่ 28 ก.พ. 68 แนะนำ หุ้นที่จะเข้า MSCI Global Small Cap อย่าง GPSC SCGP และระมัดระวังหุ้น อย่าง PTTGC TOP ที่ออกจาก MSCI Global Standard