เผ่าภูมิ เผย ครม. มีมติให้ส่งหนังสือถึง กนง. จี้พิจารณาลดดอกเบี้ย

เผ่าภูมิ โรจนสกุล
เผ่าภูมิ โรจนสกุล

‘เผ่าภูมิ’ รมช.คลัง เผยที่ประชุม ครม. มีมติให้ส่งหนังสือถึง กนง. จี้พิจารณาลดดอกเบี้ย

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ิที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติส่งหนังสือถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งถือเป็นการส่งหนังสือในลักษณะนี้เป็นครั้งที่สองในรัฐบาลชุดนี้

นายเผ่าภูมิกล่าวว่า สำหรับสาระสำคัญของหนังสือที่ ครม. ได้ส่งให้ ธปท. พิจารณาก็คือ ครม.กังวลถึงอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 1-3% ซึ่งระดับเงินเฟ้อทั่วไปของไทยได้อยู่ในระดับที่ต่ำเป็นเวลานาน และยังไม่มีทีท่าว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะสามารถเข้าสู่กรอบที่กำหนดได้

นายเผ่าภูมิกล่าวอีกว่า ครม.มีความเห็นว่า การดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท. จะต้องสอดคล้องกับกรอบเงินเฟ้อที่กำหนด และจะต้องสอดคล้องกับนโยบายการคลังของรัฐบาลด้วย

“การทำนโยบายการคลังขาเดียวจะไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างมีพลัง เพราะฉะนั้นเราจะต้องช่วยกัน เป็นความเห็นของทาง ครม.” นายเผ่าภูมิกล่าว

นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ส่วนควรจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเท่าไหร่ ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 2.25% นั้น เราคาดหวังแค่เพียงว่า ขอให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมา ซึ่งนั่นน่าจะถือว่าเป็นทิศทางที่ดี อย่างไรก็ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะต้องดูหลาย ๆ ปัจจัยในแต่ละช่วงประกอบ เช่น การปรับลดแล้วค่าเงินบาทเป็นอย่างไร การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร เป็นต้น

ADVERTISMENT

นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ในการประชุม กนง. ครั้งที่ 5 ของปี ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมา 0.25% จนดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันมาอยู่ที่ 2.25% นั้น ก็มีส่วนช่วยเศรษฐกิจ โดยช่วย Flow เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และช่วยให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น

“นโยบายการเงินเป็นเรื่องใหญ่การปรับลดครั้งหนึ่งมีผลบวกต่อเศรษฐกิจเยอะ” นายเผ่าภูมิกล่าว

ADVERTISMENT

นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ส่วนกรณีนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ มีความเห็นว่าควรเก็บกระสุนทางการเงินไว้ใช้ในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหานั้น นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีช่องว่างทางนโยบายการเงินเหลือเฟือ ยังไม่ต้องประหยัดมาก ที่ผ่านมาเราชอบทำอะไรที่ช้าเกินไป แล้วมาทำทีหลังผลมันก็ไม่ทันการณ์