ส่อง 12 หุ้นรับเม็ดเงินไหลเข้ามากสุด หากโยกกองทุน LTF เป็น ThaiESG

บล.เอเซีย พลัส เปิด 12 หุ้นมีโอกาส เม็ดเงินไหลเข้าเพิ่มมากสุด หากโยกกองทุน LTF เป็น ThaiESG วงเงินกว่า 1.88 แสนล้านบาท คาดแล้วเสร็จช่วงเดือน มี.ค. 68

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด รายงานผ่านบทวิเคราะห์ ว่ากระแสข่าวว่าจะมีกองทุน ThaiESG ใหม่เปิดมารองรับกองทุน LTF วงเงินล่าสุด 1.88 แสนล้านบาท คาดแล้วเสร็จช่วงเดือนมีนาคม 2568 ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน กองทุน LTF เดิมจะต้องมีการทยอยปรับพอร์ตเข้าสู่สมดุลในช่วงสั้น ๆ โดยการเปลี่ยนดัชนีอ้างอิงจาก SET Index เป็น SETESG แทน ซึ่งมีความแตกต่างกันสำคัญอยู่ 2 ส่วน คือ

หุ้นในดัชนี SETESG จะมีน้ำหนักต่อตัวไม่เกิน 5% ทำให้หุ้นใหญ่มีน้ำหนักเกิน 5% ของตลาดฯ มีโอกาสถูกลดน้ำหนัก อย่าง DELTA มีน้ำหนัก 6.0%, PTT 5.9%, GULF+INTUCH 5.8%, ADVANC 5.5% เป็นต้น

หุ้นในดัชนี SETESG จะต้องมี ESG Rating ทำให้หุ้นใหญ่สภาพคล่องสูงที่ไม่มี ESG Rating มีโอกาสถูกลดน้ำหนักลง อาทิ TRUE, BH, CCET, TIDLOR, ITC, BCP, AEONTS, AAV, CHG, DOHOME, SPRC, RCL, SISB, EA, IRPC, PRM, BSRC, QH, M, ERW, JAS, SKY, COCOCO เป็นต้น

นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยฯ ยังคำนวณหาหุ้นที่มีโอกาสได้กระแสเม็ดเงินลงทุน (Fund Flow) ไหลเข้าเพิ่ม จากการโยกกองทุน LTF วงเงินคงเหลือล่าสุด 1.88 แสนล้านบาท เป็นกองทุน ThaiESG คือ หุ้นที่มี ESG Rating และมีขนาดไม่เกิน 5% ของดัชนี ThaiESG ได้ผลลัพธ์ 12 หุ้น มีโอกาสได้กระแสเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าเพิ่มมากสุด หากโยก LTF เป็น THAIESG ดังนี้

  • PTTEP มีโอกาสได้เงินไหลเข้าเพิ่ม 3,300 ล้านบาท
  • CPALL มีโอกาสได้เงินไหลเข้าเพิ่ม 3,200 ล้านบาท
  • SCB มีโอกาสได้เงินไหลเข้าเพิ่ม 2,900 ล้านบาท
  • KBANK มีโอกาสได้เงินไหลเข้าเพิ่ม 2,500 ล้านบาท
  • BDMS มีโอกาสได้เงินไหลเข้าเพิ่ม 2,500 ล้านบาท
  • KTB มีโอกาสได้เงินไหลเข้าเพิ่ม 2,300 ล้านบาท
  • BBL มีโอกาสได้เงินไหลเข้าเพิ่ม 2,000 ล้านบาท
  • CPN มีโอกาสได้เงินไหลเข้าเพิ่ม 1,600 ล้านบาท
  • CRC มีโอกาสได้เงินไหลเข้าเพิ่ม 1,400 ล้านบาท
  • TTB มีโอกาสได้เงินไหลเข้าเพิ่ม 1,300 ล้านบาท
  • CPF มีโอกาสได้เงินไหลเข้าเพิ่ม 1,300 ล้านบาท
  • SCC มีโอกาสได้เงินไหลเข้าเพิ่ม 1,100 ล้านบาท

ADVERTISMENT