ทองพุ่งใกล้ทะลุ 3 พันดอลลาร์ จับตาสหรัฐใช้ค้ำเงินดิจิทัล

ทอง

ทองคำยังแรง ราคาพุ่งไม่หยุด ทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง ใกล้แตะ 3,000 ดอลลาร์แล้ว “หมอกฤชรัตน์ แม่ทองสุก” ประเมินครึ่งปีแรกทะลุแน่ จับตาสหรัฐขนทองกลับประเทศ สะพัดส่อตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติหรือใช้ทองค้ำประกันเงินดิจิทัล สิ้นปีคาดแตะ 3,200 ดอลลาร์ “โกลเบล็ก” เตือนระวังแรงขายช่วงสั้น

นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร กลุ่มบริษัทในเครือเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก (MTS) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน เป็นปัจจัยด้านสงครามการค้าสหรัฐ ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเริ่มตั้งกำแพงภาษีนำเข้ากับหลายประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกลดลง นักลงทุนจึงมีความกังวล แล้วกลับมาซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ จะเห็นว่าหลังจากทรัมป์เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับสหรัฐในการขายสินค้า และเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น

“จากราคาทองต้นปีที่อยู่ประมาณ 2,626 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 300 ดอลลาร์ อยู่ที่ประมาณ 2,950 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11-12% สาเหตุหลักมาจากสงครามการค้า และสภาวะการอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์จากนโยบายต่าง ๆ ของโดนัลด์ ทรัมป์”

จับตาสหรัฐเช็กสต๊อกทอง

นพ.กฤชรัตน์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ต้องจับตากระแสข่าวการโยกทองคำเข้าไปในสหรัฐจำนวนมาก ประมาณ 300 ตัน รวมถึงข่าวที่กระทรวงการคลังสหรัฐ และนายอีลอน มัสก์ ที่เป็นผู้บริหารในการควบคุมความเสี่ยงของภาครัฐ ต้องการตรวจสอบทองคำในฟอร์ตน็อกซ์ (Fort Knox) คลังทองคำของสหรัฐที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีอยู่ประมาณ 8,133 ตัน ที่ไม่เคยมีการตรวจสอบมาก่อนในรอบหลายสิบปี ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐมีการคาดการณ์ว่าอาจจะเป็นการนำทองคำเพื่อมาสำรองในการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ และอาจนำทองคำมาเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันเพื่อออกพันธบัตร ซึ่งน่าจะเพิ่มสภาพคล่องให้รัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้

“หากกระแสข่าวดังกล่าวเป็นจริง จะทำให้ราคาทองคำปรับเพิ่มสูงขึ้นได้อีก ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะเห็นการซื้อทองคำสะสมเพิ่มมากขึ้น และเริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นไปสู่ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากองทุนทองคำ SPDR มีการซื้อเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทองคำปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”

สงครามการค้าประเด็นหลัก

นพ.กฤชรัตน์กล่าวด้วยว่า ขณะที่ปัจจัยที่เคยเป็นผลบวกกับราคาทองคำในปีที่ผ่านมา เช่น การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และสงครามอิสราเอล-ฮามาส กลายเป็นปัจจัยรอง หรืออาจไม่เป็นปัจจัยสำคัญ โดยกลายเป็นว่าตลาดโฟกัสไปที่ภาวะเศรษฐกิจและสงครามการค้ามากกว่า

ADVERTISMENT

“ภาพรวมมองว่าทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในระยะกลางและระยะยาว และอาจจะเห็น 3,000 ดอลลาร์ในครึ่งแรกปีนี้ และคาดว่าปีนี้ทั้งปีจะปรับขึ้นไป 3,200 ดอลลาร์ได้ ด้านทองไทยมีโอกาสแตะบาทละ 49,000 บาท ในช่วงกลางปีถึงปลายปี ดังนั้น แนะนำซื้อทองคำเมื่อราคาอ่อนตัว โดยแนวรับราคาทองไทยอยู่ที่บาทละ 46,200 บาท และทองโลกอยู่ที่ 2,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์”

นักลงทุนไม่เชื่อมั่นเงินดอลลาร์

ขณะที่นางศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า จากกระแสข่าวการส่งทองคำเข้าไปยังสหรัฐ มองว่าสหรัฐมีความต้องการที่จะถือทองคำจริง และอาจจะเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐอาจจะไม่ค่อยเชื่อมั่นค่าเงินดอลลาร์ในอนาคต จึงต้องการถือทองคำมากขึ้น เพราะมองว่าอาจจะเกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวยังมีความไม่ชัดเจน แต่มีความน่าสนใจที่สหรัฐนำทองกลับประเทศมากขึ้น ขณะที่ประเด็นการตรวจสอบคลังเก็บทองคำในฟอร์ตน็อกซ์ ว่าสหรัฐมีทองคำอยู่จริงหรือไม่ ประเมินว่าทรัมป์อยากให้มี Gold Standard แต่อาจจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากทองคำที่มีอยู่อาจไม่สามารถสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์ที่ใช้เป็นเงินสกุลหลักของโลกได้ แต่อาจจะมีการทำเป็นเงินดิจิทัล ที่มีทองคำมาเป็นการค้ำประกัน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะทำให้มีความต้องการทองคำมากขึ้น และจะส่งผลดีกับทองคำในอนาคต

“มองว่าราคาทองคำเป็นขาขึ้น ช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีโอกาสเห็น 3,000 ดอลลาร์ และมีการปรับเป้าหมายในปีนี้ โดยมองราคาทองโลกที่ 3,100 ดอลลาร์ ด้านราคาทองคำในประเทศขึ้นอยู่กับค่าเงินบาท หากอยู่ที่ 33 บาท/ดอลลาร์ ทองไทยอาจจะแตะ 49,000 บาท หากอยู่ที่ 34 บาท/ดอลลาร์ อาจจะแตะที่ 49,500 บาทได้ ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมการลงทุน นักลงทุนมีความสนใจมาซื้อทองคำมากขึ้น แม้ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม ซึ่งมีการลงทุนทั้งในส่วนของหน้าร้านที่คึกคักในช่วงเทศกาล และการเทรดผ่านแอปพลิเคชั่นที่มากขึ้นจากปีที่ผ่านมา”

เตือนระวังแรงขายช่วงสั้น

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก กล่าวว่า ประเมินราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากความกังวลสงครามการค้าที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยาเพิ่มขึ้น ขณะที่กองทุน SPDR ซื้อทองคำเพิ่มสุทธิ 20.66 ตัน ตลอดทั้งสัปดาห์ เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม

“อย่างไรก็ตาม ต้องระวังแรงขายทำกำไร หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2568 ขณะที่เฟดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ม.ค. บ่งชี้ว่ากรรมการเฟดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่สูง ทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดอาจจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยปีนี้ เป็นปัจจัยกดดันทองคำเพิ่มเติม มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 2,877-2,970 ดอลลาร์ แนะนำเก็งกำไรในกรอบ”