
ในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยผันผวนหนัก จนดัชนีทำท่าจะหลุดต่ำกว่า 1,200 จุดเช่นนี้ นักลงทุนที่มองหาโอกาส คงกำลังมองหาหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาตกลงมา เก็บเข้าพอร์ตไว้เพื่อทำกำไร หรือรับเงินปันผลตอบแทนที่ดีในอนาคต ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็มีรายงานข้อมูลหุ้นรายตัวที่มีสถิติผลตอบแทนดี โดยยึดจากเกณฑ์ (Criteria) การคัดเลือก 2 ด้าน คือ 1.อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี (2564-2566) ตั้งแต่ 15% ขึ้นไป และ 2.อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ 6% ขึ้นไป
จากรายงานดังกล่าว มีหุ้น 5 บริษัทที่โชว์ฟอร์มแกร่ง ได้แก่ 1.บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) (LANNA) ผู้ผลิตและจำหน่ายถ่านหินทั้งในประเทศและต่างประเทศ พบว่ามี ROE เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี 34.41% และมี Dividend Yield ที่ 14.40%
2.บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) กลุ่มธุรกิจทางการเงินโดยมีธนาคารทิสโก้เป็นส่วนสร้างรายได้หลัก พบว่ามี ROE เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี 17.05% และมี Dividend Yield ที่ 7.61%
3.บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NER) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง พบว่ามี ROE เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี 30.51% และมี Dividend Yield ที่ 7.13%
4.บริษัท ผลธัญญะ จำกัด (มหาชน) (PHOL) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม และผู้จัดจำหน่ายและให้บริการออกแบบ ผลิต รับก่อสร้าง ให้บริการเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภค และบริโภค พบว่ามี ROE เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี 18.50% และมี Dividend Yield ที่ 8.42%
และ 5.บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) (TTW) ธุรกิจสาธารณูปโภคในการผลิตและจ่ายน้ำประปา พบว่ามี ROE เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี 20.82% และมี Dividend Yield ที่ 6.61%
“ณัฐพล คำถาเครือ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น NER ถือว่าน่าสนใจ เพราะราคายางอยู่ในระดับสูงและยอดส่งออกเติบโตดี มองบวกต่อทั้งอุตสาหกรรมยางพารา
เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนช่วยจำกัด Downside Risk ของราคายาง และคาดว่าจีนจะเร่งสต๊อกยางมากขึ้นในช่วงกลางปี ก่อนที่คำสั่งซื้อยาง EUDR เร่งตัวขึ้น โดยบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 2567 ที่ 0.31 บาท/หุ้น ซึ่งยังให้ผลตอบแทนถึง 6.2% จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 เม.ย. 2568 กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 9 พ.ค. 2568 จึงแนะนำซื้อ ถือว่ายังคงมี Upside Gain ให้ราคาเป้าหมายที่ 6.45 บาท
“ผลประกอบการ NER ปีนี้น่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง คาดการณ์กำไรสุทธิ 1,918 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบจากปี 2567 โดย NER มีแผนการลงทุนขยายกำลังการผลิตขนาด 3 แสนตัน ด้วยเงินลงทุน 1,200 ล้านบาท ที่ชัดเจนมากขึ้น โดยคาดจะเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 4/2568 ขณะที่ราคาหุ้นอยู่ในโซนล่าง คือปรับตัวลงต่อเนื่อง ปัจจุบันราคาตลาดต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (PER) ปีนี้ต่ำเพียง 5.6 เท่า อย่างไรก็ดี NER เป็นหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) จะมีความผันผวนของราคายาง เพราะฉะนั้น ผู้ลงทุนต้องติดตามราคายางอย่างใกล้ชิด แนะนำลงทุนเป็นรายปี ไม่ควรถือยาว”
ขณะที่ TISCO ก็เป็นหุ้นที่เข้าลงทุนได้ เพราะบริษัทมีการกระจายความเสี่ยงและสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี ประเมินสถานการณ์ราคารถยนต์มือสองเริ่มนิ่ง และตลาดรถยนต์ปีนี้คาดว่าน่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นได้ อีกทั้งยังคงนโยบายการจ่ายปันผลสูง ปัจจุบันปรับจ่ายปันผลเป็นปีละ 2 ครั้ง ซึ่งข้อดีคือทำให้กระแสเงินสด (Cash Flow) มีความสม่ำเสมอมากขึ้น แต่ข้อเสียคือราคาหุ้นจะไม่เห็นจังหวะการเร่งตัวในช่วงปลายปีเด่น ๆ เหมือนที่จ่ายปันผลครั้งเดียวเต็มปีที่ระดับ 7-8% ในทุกรอบช่วงที่ผ่านมา
“ณัฐพล” กล่าวอีกว่า ส่วน TTW เป็นหุ้น Defensive ก็น่าสนใจ นักลงทุนสามารถซื้อและถือลงทุนยาว ๆ ได้ ขณะที่หุ้น LANNA ถ้าจะลงทุนต้องระวัง เพราะเป็นธุรกิจถ่านหิน ซึ่งค่อนข้างจะมีความผันผวนสูง
ช่วงหุ้นตกลงมามาก ๆ นี้ อาจจะเป็นโอกาสทองของนักลงทุน ในการเลือกลงทุนหุ้นที่มีสถิติการให้ผลตอบแทนที่ดี