หุ้นไทยดีดพุ่ง 26 จุด รับผล กนง. ลดดอกเบี้ย 0.25%

หุ้นไทยเปิดตลาดภาคบ่าย ดีดตัวพุ่งแตะจุดสูงสุดของวัน 1,232.63 จุด +26.24 จุด รับผลประชุม กนง. เซอร์ไพรส์ตลาด “ลดดอกเบี้ย” 0.25% เหลือ 2.00% “บล.กรุงศรี” คาดผลบวกต่อ SET Index ปรับขึ้นราว 40 จุด “เช่าซื้อ-อสังหาฯ-High Yield-หนี้สูง” ได้ประโยชน์

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด รายงานสรุปภาวะตลาดหุ้นวันนี้ (26 ก.พ. 2568) ว่า ภาคเช้าตลาดหุ้นเอเชียนำโดยตลาดหุ้นฮ่องกง +3.09% ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ +0.84% ขณะที่ SET Index ปิด 10.67 จุด แรงซื้อหลัก ๆ มาจากกลุ่มไอซีที ADVANC +3.61% TRUE +6.09% กลุ่มค้าปลีก CPALL +6.09% CPAXT +3.70% และกลุ่มท่องเที่ยว CENTEL +10.62%

ขณะที่เปิดตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายนี้ SET Index ดีดตัวขึ้นแรงวิ่งขึ้นไปทำระดับสูงสุด (High) ที่บริเวณ 1,232.63 จุด +26.24 จุด ตอบรับผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่สร้างเซอร์ไพรส์ตลาด มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 2.00% ด้วยมติ 6 ต่อ 1

คาดจะช่วยหนุนบรรยากาศตลาดหุ้นไทย โดยจะเกิด Technical Rebound Cover ที่ 1,220-1,230 จุด และลด Downside ที่ดัชนีจะเจอฐานรายปี 1,180/1,140 จุด โดยหุ้นไฟแนนซ์ อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก และโรงไฟฟ้า จะได้รับปัจจัยบวกตรงนี้

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ผลประชุม กนง.สร้างเซอร์ไพรส์ตลาด มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 2.00% ด้วยมติ 6 ต่อ 1 ประเมินผลบวกต่อ SET Index ปรับขึ้นราว 40 จุด และหุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์คือ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC ราคาเป้าหมาย 58 บาท) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (AP ราคาเป้าหมาย 10.4 บาท) กลุ่ม High Yield (ADVANC ราคาเป้าหมาย 311 บาท) และกลุ่มหนี้สูง (MINT ราคาเป้าหมาย 38 บาท, CPALL ราคาเป้าหมาย 80 บาท)

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด รายงานว่า เราประเมินการปรับลดดอกเบี้ยของ กนง. ยังเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจในช่วงที่มีการประชุม ภาพระยะสั้นเป็นปัจจัยบวกต่อ SET Index ผ่านต้นทุนทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนที่ลดลง (-0.25% เป็นบวกต่อกำไรต่อหุ้น (EPS) ราว 1%) และเป็นบวกเชิงบรรยากาศต่อ Yield Play เช่น BAM, SAWAD, TIDLOR, SCAP, THANI, AP, SPALI, 3BBIF, CPNREIT เป็นต้น

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) รายงานว่า คาดเป็นบวกต่อบรรยากาศโดยรวมของ SET Index โดยเฉพาะกลุ่มไฟแนนซ์ อสังหาริมทรัพย์ โรงไฟฟ้า และเป็นลบต่อกลุ่มธนาคารและประกันภัย