บิ้กหุ้น SKE ปักธงปีนี้รายได้โต 15%แตะนิวไฮเท่าปี’59 รายได้ 414ล้านบาท

SKE ตั้งเป้ารายได้โต 15% แตะนิวไฮเท่าปี’59ที่สูง 414 ล้านบาท แรงส่งจากธุรกิจก๊าซ NGV ขยายตัวสูง เผยไตรมาส 3นี้ เตรียมรับรู้รายได้จากโครงการก๊าซ CBG นี้ พร้อมปีนี้คาดจะขายที่ดิน 100 ไร่ในสงขลา ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลจ่อเปิดตัวไตรมาส 3 ปีหน้า SKE ปักธงเติบโตด้านพลังงานครบวงจร

นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการและผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริษัท บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ SKE เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายผลิตและบรรจุก๊าซธรรมชาติ NGV อยู่ที่ 630 ตันต่อวัน ซึ่งจะหนุนให้รายได้เติบโต 15%จากปีที่แล้ว และอาจจะทำให้เห็นรายได้รวมใกล้เคียงกับปี 2559 ที่ทำนิวไฮรายได้รวมอยู่ที่ 414 ล้านบาท นอกจากนี้จะมีทะยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจก๊าซก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ปีนี้

“ผลประกอบปีนี้มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นกว่าปีที่แล้วและจะใกล้เคียงปีที่นิวไฮที่สุดคือปี 59 และปีนี้แนวโน้มการบรรจุก๊าซ NGV ดีขึ้นมาก และนิวไฮแน่นอน เนื่องจากกลุ่มของผู้ประกอบการเห็นทิศทางว่าปีนี้น่าจะมียอดการใช้งานก๊าซ NGV อยู่ที่ 7,000 ตันต่อวัน ” นายจักรพงส์ กล่าว

ทั้งนี้ ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2561 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 84.34 ล้านบาท โดยมียอดบรรจุก๊าซ 600 ตันต่อวัน โดยปัจจุบันบริษัทมีสถานีก๊าซธรรมชาติ จำนวน 2 สถานี คือ สถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชนจังหวัดปทุมธานี และสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชนจังหวัดสระบุรี ส่วนลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท คือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
“ธุรกิจอัดก๊าซธรรมชาติ NGV ที่เติบโตมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยหลัก ได้แก่ การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ภาคขนส่งเติบโตขึ้นจากการนำเข้าและส่งออกสินค้า และการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน ทำให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนมาใช้ก๊าซ NGV มากขึ้น เพื่อลดต้นทุน ขณะที่สถานีก๊าซ NGV ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถรองรับกำลังความต้องการของผู้ประกอบการที่มากขึ้นอีกด้วย ”

ส่วนความคืบหน้าของโครงการจัดตั้งสถานีผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) มูลค่าโครงการ 80 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ได้เงินสนับสนุนราว 12 ล้านบาท จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน นายจักรพงส์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 3 นี้ โดยจะมีกำลังการผลิตก๊าซ CBG อยู่ที่ 9 ตันต่อวัน ส่วนลูกค้าของโครงการนี้ ได้มีการทำสัญญาซื้อก๊าซ CBG แล้ว คือ กลุ่มรถขนส่งในพื้นที่โครงการ และผู้ใช้ก๊าซ NGV ในบริเวณพื้นที่โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำการเกษตร ดังนั้น บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ โครงการผลิตก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ซึ่งดำเนินการภายใต้การจัดการของบริษัท อาร์อี ไบโอฟูเอลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SKE (โดยถือหุ้นอยู่ 75% ) โดยคุณสมบ้ติของก๊าซ CBG เป็นพลังงานทดแทนที่เทียบเท่าก๊าซ NGV ได้ ทั้งนี้บริษัทได้เดินทางไปดูงานระบบ Pressure Swing Adsorption (PSA) ในโรงงานของประเทศจีน เพื่อนำความรู้มาปรับปรุงคุณภาพก๊าซ CBG

ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล มูลค่าโครงการ 850 ล้านบาท มีกำลั่งการผลิตอยู่ที่ 9.9 เมกะวัตต์ ขณะนี้ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเปิดให้ดำเนินการได้ประมาณ ไตรมาส 3 ปีหน้า และหลังจากนั้นจะเริ่มเห็นรายได้ทะยอยเข้ามา
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าชีวมวล ที่ตั้งอยู่ อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ได้ดำเนินการภายใต้การจัดการของบริษัท แม่กระทิง เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SKE (ถือหุ้น 80% ) โดยบริษัทจะผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าโดยใช้ชีวมวลเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะใช้ผลผลิตที่เหลือใช้จากการทำการเกษตร เช่น ไม้ท่อน ขี้เลื่อน โดยสามารถหาได้ง่ายและมีปริมาณเพียงพอที่จะนำมาใช้ผลิตพลังงานไฟฟ้า

นายจักรพงส์ ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการขายที่ดิน 100 ไร่ ที่ อ.เทพา จ.สงขลา ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องราคาและน่าจะมีความชัดเจนในการขายที่ดินภายในไตรมาส 3 /2561 ดังนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะขายได้ภายในปี 61
นายจักรพงส์ กล่าวถึงแผนดำเนินการอีกหลายโครงการในอนาคต เพื่อเป็นผู้ให้บริการด้านพลังงานอย่างครบวงจร ได้แก่ แผนจะจัดตั้งสถานีบริการก๊าซ NGV ตามแนวท่อ รูปแบบ Ex-Pipeline ซึ่งอยู่ในระหว่างการหารือร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อหาที่ตั้งที่เหมาะสม ซึ่งภายในปีนี้น่าจะมีความชัดเจนเรื่องที่ตั้ง นอกจากนี้บริษัทจะศึกษาธุรกิจพลังงานใหม่ๆ โดยใช้นวัตกรรมใหม่เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งจะเป็นรูปแบบที่แตกต่างจากทุกบริษัทที่เคยทำมา ทำให้คาดว่าบริษัทจะการเติบโตอย่างต่อเนื่อง