ค่าเงินบาทวันนี้ (6 มี.ค.) เปิดตลาดแข็งค่าที่ 33.59 บาท บทวิเคราะห์ล่าสุด

ค่าเงินบาท

ค่าเงินบาทวันนี้ (6 มี.ค.68) เปิดตลาดแข็งค่าที่ 33.59 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 33.40 บาท แนวต้าน 33.90 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.59 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทแข็งค่าตามทิศทางสกุลเงินในภูมิภาค เนื่องจากตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจส่งสัญญาณชะลอตัวลง หลังจากหลายประเทศเริ่มมีมาตรการตอบโต้กำแพงภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น

ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐส่งสัญญาณประนีประนอมในการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับแคนาดาและเม็กซิโก มีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจเลื่อนเวลาเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากแคนาดาและเม็กซิโก ออกไปอีก 1 เดือน ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) หลังจากที่ปธน.ทรัมป์เคยกดดันที่จะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าจากประเทศทั้งสองสูงถึง 25%

นอกจากนี้ ดอลลาร์ถูกกดดันจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย.,ก.ย.และ ธ.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตที่อ่อนแอ

และล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 93.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนมีนาคมนี้ และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือน มิ.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวในการประชุมเดือนก.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือน ก.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือน ธ.ค.

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลง สู่ระดับ 50.3 ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.6 จากระดับ 50.9 ในเดือนม.ค. โดยดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าของสหรัฐ

ADVERTISMENT

นอกจากนี้มีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 77,000 ตำแหน่งในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.2567 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 148,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 186,000 ตำแหน่งในเดือน ม.ค.

สัปดาห์นี้จับตาการรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือน ม.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.พ.โดยคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือน ก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 143,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.0%

ADVERTISMENT

เมื่อวานนี้ สถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,379 ล้านบาท และซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรไทย 4,537 ล้านบาท

กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำอยู่ที่ 33.40- 33.90 บาทต่อดอลลาร์ แนะนำ ทยอยซื้อที่ 33.40/ ขาย 33.90 บาทต่อดอลลาร์