
กรุงศรี คอนซูมเมอร์ กางแผนธุรกิจบัตรเครดิต-สินเชื่อบุคคลปี’68 ชี้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า-หนี้ครัวเรือนสูง กระทบธุรกิจ เผยกลับมารุกสินเชื่อบุคคล ดันยอดสินเชื่อโต 14% หวังสร้างรายได้ พร้อมตั้งเป้าโตยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 4.31 แสนล้านบาท เติบโต 10% หนี้เสียทรงตัว รับเข้มคัดกรองลูกค้า
นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในปี 2568 ยังคงเป็นปีที่มีความท้าทาย เนื่องจากยังเผชิญความเสี่ยง ทั้งเศรษฐกิจที่ไม่ฟื้นตัว หนี้ครัวเรือนอยู่ระดับสูง แม้สัญญาณผิดนัดชำระหนี้เริ่มทรงตัว แต่การแข่งขัน และการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเรื่องของการคืนดอกเบี้ยให้ลูกค้า และเกณฑ์อื่น ๆ ล้วนมีผลต่อการทำธุรกิจและมีผลต่อรายได้ของบริษัท

ดังนั้นในปีนี้กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะมุ่งเน้นในการหารายได้ภายใต้การเติบโตธุรกิจมากขึ้น แต่จะต้องสร้างสมดุลการเติบโตและความเสี่ยง (Balance Risk & Growth) เน้นคุณภาพลูกค้าและสินเชื่อปล่อยใหม่ โดยยังคงความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน
อย่างไรก็ดี การสร้างรายได้จะต้องอยู่บนสินเชื่อใหม่บนสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) เนื่องจากธุรกิจบัตรเครดิตไม่ได้เป็นตัวสร้างรายได้ เพราะอัตราดอกเบี้ยถือว่าค่อนข้างต่ำอยู่ที่ 16% เมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นดอกเบี้ยกว่า 20% โดยในปี 2568 กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 1.08 แสนล้านบาท หรือเติบโต 14%
ขณะที่ตั้งเป้าลูกค้าใหม่ 6.52 แสนบัญชี เติบโต 10% ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต (Spending) 4.31 แสนล้านบาท เติบโต 10% และยอดสินเชื่อคงค้าง 1.58 แสนล้านบาท เติบโต 8%
“เราจะกลับมาเติบโตรายได้ แสดงว่าเราต้องเติบโตบนสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่บนบัตรเฟิร์สช้อยส์ ที่เป็น 3 in 1 แต่ที่ผ่านมาจะไปโหมหนักในบัตรเครดิต ทำให้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราเติบโตสินเชื่อส่วนบุคคลน้อยมาก ๆ ส่งให้พอร์ตสินเชื่อเราถูกโยกไปบัตรเครดิต 10% ดังนั้น เราจึงอยากเห็นพอร์ตกลับมาสมดุลมากขึ้น และกลับมาโตบัตรเฟิร์สช้อยส์ ซึ่งเป็นพอร์ตที่สร้างรายได้ให้เรา และเติบโตลูกค้าใหม่ที่ไม่เบี้ยวหนี้เราเกินไป“
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) มองไปข้างหน้าค่อนข้างทรงตัว หากไม่มีการปรับอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ โดยมองว่าหนี้เสียบัตรเครดิตอยู่ที่ 1.1% และสินเชื่อส่วนบุคคล 2.4% ส่วนหนึ่งมาจากบริษัทมีการบริหารจัดการหนี้ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการคัดกรองลูกค้าค่อนข้างเข้มงวด ทำให้อัตราการอนุมัติสินเชื่อ (Approval Rate) ค่อนข้างต่ำ ซึ่งบัตรเคดิตอยู่ที่ 40% และสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 30% ปลาย ๆ และในปีนี้บริษัทคงไม่ได้มีการปรับเกณฑ์การคัดกรองแต่อย่างใด
ส่วนกลยุทธ์หลักในปี 2568 ยังอยู่ภายใต้ 5 เสาหลัก ได้แก่ 1. มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์หลักให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการปรับปรุงและปรับโฉมบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ภายในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปี 2568 นี้ 2.ขยายระบบนิเวศพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจ โดยกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ติดท็อป 2 ที่มีพันธมิตรเยอะอยู่กว่า 2.5 หมื่นร้านค้า ซึ่งจะเดินหน้าขยายต่อรวมถึงดูแลร้านค้าเดิม
และ 3.สร้างเสริมนวัตกรรมทางการชำระเงิน โดยเดินหน้าพัฒนาร่วมกับพันธมิตรในการชำระเงินใหม่ ๆ 4.ผสานความร่วมมือในเครือกรุงศรีเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งอาจจะมีการขยายบัตรไปสู่ธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) หรือกลุ่มลูกค้ามุ่งคั่ง (Wealth) ในการต่อยอดการถือบัตร และ 5.พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน เช่น การปรับปรุงใบแจ้งหนี้เป็น e-Statement ไปแล้วกว่า 90% หรือปรับโครงสร้างทีม Tele Sale เป็นต้น
“ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่ภาครัฐมีมาตรการลดหย่อนภาษี (Easy E-receipt) นั้น จากการสำรวจร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้นั้นยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 8.9% สินเชื่อบุคคลเพิ่มขึ้น 14% แม้จะการเติบโตภาพรวมในช่วง 2 เดือนแรกการเติบโตเลขหลักเดียว แต่ก็เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะไตรมาสที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นจะมียอดใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้อีก
นายอธิศกล่าวต่อว่า สำหรับผลประกอบการในปี 2567 ที่ผ่านมาของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เติบโตเป็นที่น่าพอใจ จากความสำเร็จในการเดินกลยุทธ์ของบริษัท โดยมียอดบัญชีลูกค้าใหม่ 594,000 บัญชี เติบโต 6% ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 392,500 ล้านบาท เติบโต 8% ยอดสินเชื่อใหม่ 95,500 ล้านบาท เติบโต 4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยอดสินเชื่อคงค้าง 146,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ หมวดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุดเรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ 1.ประกันภัย 2.ไฮเปอร์มาร์ท ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ 3.ปั๊มน้ำมัน 4.ตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ในครัวเรือน และ 5.ช็อปออนไลน์
ส่วนหมวดใช้จ่ายที่มีอัตราเติบโตสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ตัวแทนท่องเที่ยว 2.โซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชั่น 3.ช็อปออนไลน์ 4.แอปดีลิเวอรี่ และ 5.สุขภาพและความงาม