Trumpcession vs ทองคำขึ้นแรงไม่แผ่ว

Gold price soars
คอลัมน์ : สถานีลงทุน
ผู้เขียน : ธนรัชต์ พสวงศ์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

สงครามการค้าโลกที่ปะทุดุเดือดรุนแรงขึ้นในต้นเดือนมีนาคม ทำให้นักลงทุนมีความกังวลต่อความไม่แน่นอนของนโยบายและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าทองคำและเทขายหุ้นทั่วโลกจากสงครามการค้ารุนแรง เมื่อวันที่ 4 มี.ค. สหรัฐเริ่มทำสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ 3 ประเทศ

ทั้งจีน เม็กซิโก และแคนาดา สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 20% ขณะที่มีการใช้มาตรการภาษีตอบโต้กลับสหรัฐเช่นกัน ซึ่งแคนาดาประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 25% มีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มี.ค. จีนจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ 10-15% ครอบคลุมสินค้าเกษตรเป็นหลัก มีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มี.ค. เม็กซิโกเองก็เตรียมใช้มาตรการภาษีตอบโต้กลับสหรัฐ

นอกจากนี้ สหรัฐจะเริ่มใช้มาตรการภาษีตอบโต้กับทุกประเทศที่มีการเก็บภาษีสินค้านำเข้ากับสหรัฐตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. ทำให้เห็นภาพชัดเจนของการทำสงครามการค้าที่อาจลุกลามไปยังหลายประเทศและสะเทือนไปถึงทั่วโลก ถึงแม้ว่าสงครามการค้าโลกลดความร้อนแรงลง หลังทรัมป์ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% จากเม็กซิโกและแคนาดาเป็นเวลา 1 เดือน ตราบใดที่ทั้ง 2 ประเทศปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) และสหรัฐเปิดทางจะเจรจากับเม็กซิโกและแคนาดาเกี่ยวกับภาษีนำเข้า

กราฟิก ราคาทองคำพุ่ง

สงครามการค้าโลกอาจนำไปสู่ Trumpcession

การกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกต่อสภาคองเกรสของทรัมป์เมื่อเช้าวันพุธที่ 5 มี.ค. เน้นนโยบาย America is Back ทรัมป์เน้นย้ำที่จะใช้นโยบายภาษีการค้ากับสหภาพยุโรป จีน บราซิล อินเดีย เม็กซิโก และแคนาดา เพื่อลดการขาดดุลการค้าและกระตุ้นเศรษฐกิจ

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำสงครามการค้าโลกสมัยทรัมป์ 1.0 ในปี 2017 กลับทำให้สหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2021 ถึงแม้ว่าสหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนลดลง แต่มีการขาดดุลการค้ากับเม็กซิโกและแคนาดาเพิ่มขึ้น นั่นอาจทำให้นำไปสู่การเปิดทางเจรจากับเม็กซิโกและแคนาดา

ADVERTISMENT

ผลกระทบที่นักลงทุนกังวลจากการทำสงครามการค้าโลกคือ เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงและถดถอยได้ สะท้อนให้เห็นถึงเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมาก และนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะต้องลดดอกเบี้ยในปีนี้ถึง 0.75% หรือ 3 ครั้ง ตลาดให้น้ำหนักเรื่องเศรษฐกิจจะชะลอตัวมากกว่าเรื่องเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นแล้ว

นอกจากนี้ แบบจำลอง GDPNow ล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ซึ่งจัดทำโดยเฟด สาขาแอตแลนตา คาดการณ์จีดีพีสหรัฐในไตรมาส 1 จะหดตัว 2.8% หดตัวมากขึ้นเทียบกับก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 ก.พ. คาดการณ์ว่าจีดีพีสหรัฐจะหดตัว 1.5%

ADVERTISMENT

แนวโน้มราคาทองคำ

แนวโน้มราคาทองคำระยะสั้นคาดอาจมีแรงเทขายทำกำไรและอาจมีการย่อตัวลงมา หลังจากปีนี้ราคาทอง Spot ปรับขึ้นทำ All-time High 11 ครั้ง แตะ 2,955 ดอลลาร์ ให้ผลตอบแทนโดดเด่น 12.7% ทำให้คาดจะมีแรงเทขายทำกำไรเป็นระยะ ๆ และเครื่องมือทางเทคนิคส่งสัญญาณขาย

แต่คาดเป็นการปรับฐานเพื่อขึ้นได้ต่อ จุดแนะนำที่ให้เข้าทยอยซื้อระยะสั้นที่ 2,855 ดอลลาร์ และ 2,830 ดอลลาร์ ราคาทองแท่งราว 45,800 บาท และ 45,550 บาท