เผ่าภูมิมอบ 8 มาตรการ “กรมสรรพสามิต” ย้ำสินค้าเถื่อน-หนีภาษี ต้องเป็นศูนย์

เผ่าภูมิ โรจนสกุล
เผ่าภูมิ โรจนสกุล

“เผ่าภูมิ” มอบนโยบาย “กรมสรรพสามิต” ทั่วประเทศ ประกาศ 8 มาตรการ สินค้าเถื่อน-หนีภาษี ต้องเป็นศูนย์ เผยผลปราบปราม 5 เดือนแรกปีงบฯ 68 พุ่ง 1.4 หมื่นคดี

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายกับผู้บริหาร กรมสรรพสามิต กำชับให้กรมสรรพสามิตดำเนินงานตามนโยบาย “Zero Tolerance : สินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์” เดินหน้าจับกุมและปราบปรามอย่างจริงจัง ในการลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้เสียภาษี โดยเฉพาะตามเส้นทางบริเวณชายแดน หรือการขายสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีบนเครือข่ายออนไลน์ จึงยกระดับการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต ดังนี้

1.ขุดราก ถอนโคน ต้นตอ ปราบปรามแบบขุดราก ถอนโคน ขยายผลการจับกุมจากรายเล็กไปจนถึงต้นตอ (รายใหญ่) เพื่อขจัดการนำเข้า ผลิต และจำหน่ายสินค้าที่มิได้เสียภาษีสรรพสามิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุราและบุหรี่เถื่อน

2.เชื่อมชุดสายตรวจกับพันธมิตร ทำงานร่วมกับหน่วยงานภายนอก จัดกำลังชุดสายตรวจร่วมกับหน่วยงานอื่น เช่น ตำรวจ ทหาร กอ.รมน. นรข. หน่วยนาวิกโยธิน เพื่อตรวจสอบเส้นทางการขนส่งตามแนวชายแดน ทำ MOU กับบริษัทขนส่งทุกบริษัท เพื่อตรวจสอบเส้นทางการขนส่งสินค้า และขยายผลหาผู้กระทำความผิด

3.ตรึงกำลังชายแดนบก-น้ำ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจ เข้าตรวจสอบและเฝ้าระวังจุดเสี่ยงลักลอบนำเข้าสินค้าที่เถื่อนตามแนวชายแดนทั้งทางบกและทางทะเล โดยเฉพาะในพื้นที่ภาค 2 ภาค 9 และภาค 8 สำหรับยาสูบ และในพื้นที่ภาค 2 ภาค 5 และภาค 7 สำหรับสุรา

4.จัดกำลังเจาะแหล่งเป้าหมาย จัดสรรกำลังให้เหมาะกับงานเชิงรุก เข้าตรวจสอบแหล่งเป้าหมาย เช่น ร้านค้า สถานบันเทิง และสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน โกดังสินค้า จุดข้อต่อต้องสงสัย

ADVERTISMENT

5.พุ่งเป้าผู้กระทำผิดซ้ำ มาตรการค้นหาผู้กระทำผิดซ้ำด้วยการทบทวนบัญชีรายชื่อผู้กระทำความผิดจากข้อมูลในระบบฐานข้อมูลผู้กระทำผิดภายในของกรมสรรพสามิต เพื่อเฝ้าระวังและปราบปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำ

6.เพิ่มรางวัลเบาะแส สร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสเพื่อนำสู่การจับกุมผู้กระทำผิด โดยประชาชนขอรับเงินสินบนรางวัลได้ร้อยละ 20 แต่ไม่เกินคดีละ 5,000,000 บาท ให้ศึกษาความเหมาะสมของการเพิ่มรางวัลดังกล่าว โดยประชาชนทั่วไปแจ้งเบาะแสทางระบบร้องเรียน หรือ 1713 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th

ADVERTISMENT

7.ขยายศูนย์ปราบปรามออนไลน์ ขยายศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ไปที่ภาค 9 ภาค 2 และภาค 5 ยกระดับการวิเคราะห์คัดกรองจากเครือข่ายออนไลน์อัตโนมัติ รวมถึง Big Data เชื่อมโยงความสัมพันธ์ข้อมูลผู้กระทำผิด (Social Link) เฝ้าพฤติการณ์ผู้กระทำผิดบนเครือข่ายออนไลน์ และพิสูจน์ยืนยันเป้าหมาย จับกุมและประสานส่งข้อมูลการกระทำผิดให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อปิดเว็บไซต์

8.ยกระดับเครื่องมือชั้นสูง บริหารจัดการงบประมาณ จัดหาเครื่องมือเทคโนโลยีชั้นสูงเข้าจับกุมตามช่องทางขนส่งสินค้าหนีภาษี ลดความผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจยึดและขยายผล ตัดวงจรการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต

“จากผลการปราบปรามที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ขอให้กรมสรรพสามิตเร่งรัดการปราบปรามให้เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยต้องดำเนินการให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม และตั้งเป้าหมายให้สินค้าที่ลักลอบนำเข้าโดยไม่ได้เสียภาษี โดยเฉพาะสินค้าสุราและยาสูบลดลงให้มากที่สุด เพราะสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีนี้อาจเป็นสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตของพี่น้องประชาชน และยังสร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย” รมช.คลังกล่าว

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตพร้อมขับเคลื่อนนโยบายด้านการจัดเก็บภาษีและการปราบปรามดังกล่าว ให้ความสำคัญในการดำเนินมาตรการภาษีสรรพสามิตเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และดูแลพี่น้องประชาชน มุ่งเน้นในการดำเนินนโยบายด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง และนำกลยุทธ์ SMART Excise มาใช้เพื่อยกระดับการทำงานทั้งระบบ

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในช่วง 5 เดือนแรก ผลการปราบปรามของกรมสรรพสามิตเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 14,851 คดี สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 15.54 เงินค่าปรับนำส่งคลังจำนวน 198.11 ล้านบาท

“กรมสรรพสามิตจะเร่งยกระดับการทำงานเชิงรุกในด้านการปราบปรามทั้งระบบ และศึกษาแนวทางการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปราม รวมถึงบูรณาการหาความร่วมมือในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภายในและหน่วยงานภายนอกองค์กรเพิ่มเติมต่อไป” อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าว