
“กอบศักดิ์” มองสงครามการค้า Trade War 2.0 ดึงไทยเข้ามรสุม 4 ปี ทำสินทรัพย์ผันผวนไปมา-บริหารจัดการยาก ชี้ ผลตอบแทนการลงทุนมาจาก “ลมปากคน” มากกว่า “ผลตอบแทนสินทรัพย์” ย้ำไทยอยู่ในตลาดที่ผันผวนหลายเท่า
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล นายกสมาคมเศรษฐศาสตร์ แห่งประเทศไทย และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ผลกระทบสงครามการค้า หรือ Trade War 2.0 ต่อไทยมากน้อยแค่ไหน อาจจะเร็วเกินไปที่จะประเมิน เพราะประเด็นสำคัญ คือ สถานการณ์จะลากยาวแค่ไหน และกว้างขวางแค่ไหน
ซึ่งเรากำลังเข้าสู่ “ยุคเผชิญ” ซึ่งเป็น “ยุคเผชิญหน้าแบบไม่แอบแฝง” ต่อไป โดยโลกเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่ 20 มกราคม 2568 และจะเข้าสู่มรสุ่มอีก 4 ปี ท่ามกลางหลายสินทรัพย์จะผันผวนไปมา ซึ่งบริหารจัดการได้ยาก และอยู่ในตลาดที่จะผันผวนอีกหลายเท่า
อย่างไรก็ดี ผลกระทบในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้เริ่มเห็นแล้ว โดยดูดัชนีดาวโจนส์เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเดือนสิงหาคม 2567 และภายหลังจากเลือกตั้งสหรัฐฯ ดัชนีดาวโจนส์ และ Nasdaq ติดลบเล็กๆ และเริ่มติดลบเยอะขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
โดย Nasdaq ติดลบ 8% ขณะที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) เพิ่มขึ้นไป 7% จากระดับ 102-103 ไปอยู่ที่ 110 และอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 102 สะท้อนให้เห็นว่าทุกตลาดปั่นป่วนหมด ยกเว้นราคาทองคำที่ค่อนข้างเสถียรและเพิ่มขึ้นจากไปอยู่ที่ระดับ 2,950-3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
“สะท้อนว่า มรสุมเข้ามาตอนนี้ไม่เหมือนกับวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา และผลตอบแทนอาจไม่ได้มาผลตอบแทนที่เราซื้อ แต่มาจากลมปากของคนบางคน เป่าซ้าย เป่าขวา และวันรุ่งขึ้นจะเสียหาย และเราต้องรอดูวันที่ 2 เมษายนนี้ว่าใครจะแจ็คพ็อต”
ดังนั้น การคาดการณ์ จะอยู่ที่คำถามสำคัญ คือ ไทยจะต้องเข้าใจนิสัยใจคอ และเป้าหมายสูงสุด (Ultimate Goal) ของทรัมป์ ซึ่งหลายคนพูด คือ America First ซึ่งหากดูประเทศอันดับ 1 และอันดับ 2 มักมีการแย่งชิงเสมอ โดยประมาณ 80% ของการแย่งชิงเกิดสงคราม และอีก 20% ไม่มีสงคราม
อย่างไรก็ดี หากดูกลยุทธ์หลักเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย Ultimate Goal จะมีอยู่ 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.สหรัฐฯ ตั้งใจปรับโครงสร้างภายในและรัฐบาลเพื่อให้สลิมลง 2.ปรับสมดุลกับต่างประเทศ ลดภาระและการถูกเอาเปรียบ จาก Free Trade เป็น Fair Trade และ 3.จัดการกับจีนที่เป็นคู่แข่งสำคัญ