
คอลัมน์ : เติมความคิด พิชิตการลงทุน ผู้เขียน : พบชัย ภัทราวิชญ์ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์
SET เดือนกุมภาพันธ์ ไหลลงทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี โดยดัชนีปรับลงต่อเนื่องแทบทั้งเดือน ท่ามกลางสภาวะที่มีแต่ปัจจัยลบรอบด้าน เริ่มตั้งแต่ตลาดที่ขาดความเชื่อมั่นจากประเด็นลบเฉพาะตัวที่เกิดกับหุ้นขนาดใหญ่ ตามด้วยแรงขายต่อเนื่องจากกองทุน LTF รวมทั้งแรงขาย Sell on Fact ในหุ้นที่รายงานผลประกอบการ 4Q67 ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์
แม้ทางการจะพยายามออกมาตรการเพื่อที่จะพยุงตลาดและชะลอแรงขาย เช่น การออกกองทุน TESG2 แต่ด้วย sentiment เชิงลบจากปัจจัยภายนอกที่เข้ามาซ้ำเติมจากมาตรการภาษีตอบโต้ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้กดดัน SET Index ปรับลงลึกจนลงไปทำจุดต่ำสุดต่ำกว่า 1,200 จุด
ยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นไทยเดือน ก.พ. ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ 6.7 พันล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมกระแส Fund Flow เดือน ก.พ. ไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกว่า 8.9 พันล้านเหรียญ โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในทุกประเทศ โดยไต้หวันถูกขายมากสุด 3.9 พันล้านเหรียญ ตามด้วย เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ไทย และฟิลิปปินส์ ราว 2.8, 1.1, 0.4, 0.3, 0.2 และ 0.1 พันล้านเหรียญ ตามลำดับ
สำหรับแนวโน้ม SET เดือน มี.ค. คาดว่ายังมีแนวโน้มแกว่งผันผวน โดยมีปัจจัยกดดันที่เป็นความเสี่ยงขาลงจากประเด็นมาตรการภาษีศุลกากรและภาษีตอบโต้ของทรัมป์ ที่จะเรียกเก็บจากหลายประเทศ หลายภูมิภาค สร้างความกังวลสงครามการค้าทั่วโลกรุนแรง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยการเมืองในประเทศที่จะร้อนแรงขึ้น โดยฝ่ายค้านเตรียมเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางนายกฯ ในช่วงปลายเดือน มี.ค. อาจกดดัน Sentiment การลงทุน อย่างไรก็ตาม ด้วย Valuation ของตลาดหุ้นไทยที่มีระดับ Forward P/E ปี 2568 ไม่ถึง 13 เท่า รวมทั้ง Div. Yield ที่อยู่ในระดับที่น่าสนใจ ทำให้เชื่อว่าน่าจะมีแรงซื้อกลับจากนักลงทุนระยะกลาง-ยาวเข้ามาประคองดัชนีได้บ้าง ประเมินกรอบล่างบริเวณ 1,175-1,150 จุด กรอบบนบริเวณ 1,235-1,260 จุด ตามลำดับ
โดยกลยุทธ์การลงทุนให้เน้นตั้งรับ เนื่องจากตลาดยังมีความผันผวนสูง อย่างไรก็ตาม มองเป็นโอกาสทยอยเข้าซื้อสะสมตามแนวรับที่กำหนด โดยเราแนะนำลงทุนใน 3 Theme ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1.หุ้น Undervalued สำหรับลงทุน โดยคัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุน โดยมีคุณสมบัติ (I) ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ YOY (II) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูง (Interest Coverage Ratio > 1) (III) Valuation ไม่แพง โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD (IV) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 2% และ (V) มี SET ESG Rating ระดับ A-AAA แนะนำ CPALL, BDMS, MTC, MINT, BTG
2.หุ้นปันผลคุณภาพดี โดยมีคุณสมบัติ (I) มีสถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปีขึ้นไป และมี SET ESG Rating ตั้งแต่ระดับ A-AAA (II) มีศักยภาพจ่ายปันผลสูง โดยบริษัทจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว คิดเป็น Div. Yield สูงเกิน 4% และคาดให้ Div. Yield ปี’68 สูงเกิน 6% พร้อมทั้ง Div. Payout Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว และ (III) ปี 2568 ผลประกอบการยังแข็งแกร่ง และราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside เกิน 15% แนะนำ AP, KTB, BBL, PTT, SPALI, KBANK
3.หุ้น Earning Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนกำไร 1Q68 ที่คาดจะเติบโตดี YOY และ QOQ อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก ADVANC, TRUE, AMATA, TIDLOR, MTC, AU, HTC