ตลท. เผยหุ้นไทยปรับฐานลงแรงกว่า 17.9% เชื่อ TESGX ช่วยหนุนได้

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยหุ้นไทยสิ้น ก.พ.68 ปรับฐานลงแรงกว่า 17.9% รับความผันผวนจากภาวะตลาดโลก เชื่อกองทุน ThaiESGX ช่วยหุ้นไทยได้ ชี้ยังมี บจ.กำไรดี-ปันผลดี หนุนลงทุนระยะยาว

นายศรพล ตุลยเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 SET Index อยู่ในช่วงปรับฐานซึ่งลดลงกว่า 17.9% จากระดับสูงสุดในรอบนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับแนวโน้มในอดีต และหากพิจารณามูลค่าพื้นฐานของตลาดพบว่าระดับ P/E อยู่ที่ 12.5 – 16.6 เท่า และ P/BV เพียง 1.2 – 1.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรอบการปรับฐานครั้งก่อนๆ อย่างมีนัยสำคัญ

โดยการปรับฐานของตลาดในรอบนี้หุ้นที่ปรับตัวลดลงมากส่วนใหญ่มาจากกลุ่มหุ้นที่มี P/E Ratio สูง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดกำลังมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงและการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนพยายามออกมาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของ SET Index โดยเน้นด้านการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง การจำกัดความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันทางการค้า รวมถึงมีปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นโดยเฉพาะการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่และส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าของ บจ. และยกระดับ CG

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญความท้าทาย จากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่เป็นปัญหาใหญ่ และมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐที่ยังกดดันตลาดหุ้นไทย ขณะที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้โอนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว  (LTF) ไป ThaiESGX ถือว่าเป็นตัวช่วย แต่ทั้งนี้ต้องดูว่าจะมีการตั้งกองทุน ใหม่เท่าใด และมีการโอนจาก LTF มามากน้อยเพียงใด แต่ถือว่าเป็นส่วนช่วยตลาดหุ้นไทยในภาวะที่ตลาดโลกยังกระเพื่อมแรง

ส่วนกรณีมีการเทขายหุ้นที่ไม่มี SET ESG Rating  ชี้แจงว่า การลงทุนใน ThaiESGX ที่ให้ลงทุนในหุ้น 65% นั้น แม้หุ้นที่ไม่มี SET ESG Rating  แต่ยังมีอีก 3 เกณฑ์ในการพิจารณา ได้แก่ ถ้าผ่านการประเมิน ESG Rating อื่นๆในระดับสากล ก็สามารถทดแทนได้

นอกจากนี้ยังสามารถใช้การเปิดเผยข้อมูลฟุตพริ้นท์ ที่ผ่านการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) ก็สามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาได้เช่นกัน  และเป็นหุ้นที่บริษัทมีการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน หรือ CGR ซึ่งดำเนินการโดย สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors: IOD) เกินกว่า 90 คะแนน และเปิดเผยข้อมูลใน ESG Data Platform ของ ตลท.เกินกว่า 85% ของไอเทม  โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนในการเลือกพิจารณา

ADVERTISMENT

ซึ่งบางบริษัทที่ไม่มี ESG Rating แต่เข้าเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่ง Thai ESGX ก็สามารถลงทุนได้ ทั้งนี้ ลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยรายชื่อหุ้นยั่งยืน (SET ESG Ratings) และหุ้นไทยที่มีการเปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจกสำหรับกองทุน Thai ESG และ Thai ESGX โดยมีจำนวนหุ้น 14 บริษัทที่เป็น Non-rating ประกอบด้วย AYUD, BCP, CHG, CONREIT, ERW, GLAND, METCO, PPP, RCL, SUSCO, TIDLOR, TMI, TRP, TRUE

ที่ผ่านมา หลายหน่วยงาน ทั้งกระทรวงการคลัง , สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกันทำหลายมาตรการ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน  ทั้งฝั่งดีมานด์ที่มี  Thai ESG, ThaiESGX และวายุภักษ์ ส่วนฝั่งซัพพลาย มีมาตรการยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน มาตรการ Jump+ ที่คาดว่าจะประกาศใช้ในอีก 2 เดือน รวมถึงการซื้นหุ้นคืน

ADVERTISMENT

“ ทั้งนี้มองว่าเมื่อหุ้นย่อตัวลงมาก แต่ยังมี บจ.ที่มีกำไรดี และจ่ายปันผลดี ถือเป็นโอกาสการลงทุนระยะยาวได้”

นายศรพล กล่าวว่า ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ดัชนีปิดที่ 1,203.72 จุด ลดลง 8.4% จากสิ้นเดือนมกราคม 2568 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 SET Index ปรับลดลง 14.0% กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่าภาพรวม เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ได้แก่

กลุ่มการเงิน กลุ่มเกษตรและอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มบริการ และกลุ่มทรัพยากร มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai ปรับขึ้นไปอยู่ที่ 52,041 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเห็นสัญญาณเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด ห้าเดือนต่อเนื่อง ด้านอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์2568 อยู่ที่ระดับ 4.03% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.27%