หุ้นไทยลงต่อ แนวรับ 1,140 จุด สงครามการค้าแรงขึ้น-การเมืองไม่แน่นอน

หุ้นไทย ตลาดหุ้น

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินหุ้นไทยวันนี้ ปรับลดลง แนวรับ 1,140 จุด แนวต้าน 1,175 จุด ความกังวลสงครามการค้าสหรัฐกับประเทศคู่ค้ารุนแรงขึ้น-การเมืองในประเทศยังมีความไม่แน่นอน ภาวะที่ขาดปัจจัยหนุนใหม่ทำให้ตลาดฟื้นตัวได้ยากลำบาก

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่า คาด SET ปรับลดลง จากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐกับประเทศคู่ค้ารุนแรงขึ้น ส่วนการเมืองในประเทศยังมีความไม่แน่นอน ภาวะที่ขาดปัจจัยหนุนใหม่ทำให้ตลาดฟื้นตัวได้ยากลำบาก ประเมินแนวรับที่ 1,150-1,140 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,170 -1,175 จุด

ช่วงสั้นมอง SET มีสัญญาณฟื้นตัวบ้าง โดยคาดว่าจะมีแรงหนุนจากปัจจัยภายนอก เช่น สหรัฐอาจเลื่อนเก็บภาษีนําเข้าบางรายการจากเม็กซิโกและแคนาดา ขณะที่ยังมีความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนหลังการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน นอกจากนี้เงินเฟ้อจีนและสหรัฐ คาดยังไม่เปลี่ยนแนวโน้มซึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวและราคาพลังงานที่ลดลง และน่าจะทำให้เฟดยังไม่เปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายการเงิน

ส่วนปัจจัยในประเทศยังติดตามเสถียรภาพทางการเมือง การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐ การฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนใน เม.ย. และเงื่อนไขของการโอนย้ายเม็ดเงินกองทุน LTF เป็น ThaiESGX ซึ่งจะทำให้ตลาดมีแรงขายลดลง ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนําให้ “Selective Buy”

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม

IEA เตือนภาวะน้ำมันล้นตลาด คาดอุปทานน้ำมันทั่วโลกจะมากกว่าอุปสงค์ราว 6 แสนบาร์เรล/วันในปีนี้ พร้อมคาดอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.03 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว 70,000 บาร์เรล/วัน กดดันจากสงครามการค้า

• EU เรียกเก็บภาษีวิสกี้จากสหรัฐในอัตรา 50% เพื่อตอบโต้ภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐ ทำให้ ปธน.ทรัมป์ขู่จะเรียกเก็บภาษีผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์และไวน์นำเข้าจาก EU สูงถึง 200%

ADVERTISMENT

• PPI สหรัฐ ก.พ.+3.2% YOY และ Core PPI+3.4% YOY ต่ำกว่าตลาดคาด และชะลอตัวลงจาก ม.ค. ส่วนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ก่อนลดลง 2,000 ราย สู่ 220,000 ราย ต่ำกว่าตลาดคาด

• ติดตามการพิจารณาร่างกฎหมายงบฯชั่วคราว เพื่อเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางในวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งจะต้องส่งให้ ปธน.ทรัมป์ลงนามบังคับใช้ภายในวันนี้เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์

ADVERTISMENT

• รัสเซียเห็นพ้องกับสหรัฐเกี่ยวกับข้อเสนอหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่การหยุดยิงจะต้องนำไปสู่สันติภาพที่ถาวร ทางด้าน ปธน.ทรัมป์กล่าวรัสเซียจะถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการค้าอย่างหนัก หากปฏิเสธที่จะยอมรับข้อตกลงหยุดยิงกับยูเครนเป็นเวลา 30 วัน

• ม.หอการค้าไทยประเมินนโยบายทรัมป์ 2.0 จะกระทบต่อ 4 สินค้าส่งออก เหล็ก, อะลูมิเนียม, ยานยนต์ และอุปกรณ์ส่วนประกอบ และกระทบต่อ GDP ราว 0.3% และคาดว่าจะเติบโตเหลือราว 2.8-3.2%

• ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.พ. ปรับลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนสู่ 57.8 จากความกังวลต่อสงครามการค้า และเศรษฐกิจไทยที่เติบโตช้า แม้ว่ามีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยพยุง

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน

มอง SET มีสัญญาณฟื้นตัวได้บ้าง หนุนจากความคาดหวังจากปัจจัยภายนอกและรัฐบาลไทยมีแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

1. หุ้น Undervalued สำหรับลงทุน เลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายกองทุน โดย 1) กำไรปี 2568 คาดเติบโต YOY 2) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีความสามารถการจ่ายดอกเบี้ยสูง (Int. Cov. Ratio > 1) 3) Valuation ไม่แพง PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) ศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาด Div. Yield อย่างน้อย 2% และ 5) SETESG Rating ระดับ A-AAA แนะนำ CPALL BDMS MTC MINT BTG

2. หุ้นปันผลคุณภาพดี โดย 1) สถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปี และ SETESG Rating ระดับ A-AAA 2) คาดจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว ยังให้ Div. Yield เกิน 4% และ Div. Payout Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว และ 3) ผลประกอบการปี 2568 ยังแข็งแกร่งและยังมี Upside เกิน 15% แนะนำ AP KTB BBL SPALI KBANK

3. หุ้น Earnings Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนกำไร 1Q68 ที่คาดจะเติบโต YOY และ QOQ และมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA TIDLOR MTC AU HTC

4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำเก็งกำไรสำหรับหุ้นที่คาดได้ Sentiment บวกจากงาน Opp. Day ซึ่งคาดจะมีโทนประชุมเป็นบวกในสัปดาห์นี้ และเราดูแลอยู่อย่าง AU TIDLOR BTG PTG