
กลุ่มบริษัทเอไอเอ ปิดปี 2567 กวาดเบี้ยประกันรับปีแรก เติบโต 14% แตะ 8.6 พันล้านเหรียญ มูลค่าธุรกิจใหม่ 4,712 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 18%
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ (AIA Group) เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 4,712 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 18% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) ทุกภาคส่วนธุรกิจมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก โดยบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้น 14% เป็น 8,606 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นโดยมีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 1.9 จุด เป็นร้อยละ 54.5
และบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) อยู่ที่ 6,605 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% ต่อหุ้น กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นตามเป้าหมายอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี (CAGR) จาก 9% เป็น 11% ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2569 มีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ 14.8% เพิ่มขึ้นมา 130 จุด จาก 13.5% ในปี 2566
ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 71.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังการคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้น 9% ต่อหุ้น กำไรจากการดำเนินงานบนมูลค่าพื้นฐานของกิจการ (EV operating profit) อยู่ที่ 10,025 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 19% ต่อหุ้น มีอัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย อยู่ที่ 14.9% โดยเพิ่มขึ้น 200 จุด จาก 12.9% ในปี 2566
มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 6,327 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10% ต่อหุ้น
เงินกองทุนส่วนเกินสุทธิ (Net FSG) อยู่ที่ 4,020 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังการลงทุนซ้ำในกรณีการเติบโตภายในของธุรกิจใหม่ มีอัตราส่วนทุนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 236% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567
และมีเงินปันผลประจำปีเพิ่มขึ้น 10% คิดเป็น 130.98 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น โดยโครงการซื้อหุ้นคืนใหม่มูลค่า 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นไปตามนโยบายการจัดการทุนที่ปรับปรุงใหม่ มีผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมูลค่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 ผ่านเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน
นายหลี่ หยวน ชยอง กล่าวต่อว่า เอไอเอถือว่ามีผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา จากผลกำไรของธุรกิจใหม่ การเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง และเงินกองทุนส่วนเกิน โดยบริษัทยังคงมุ่งสร้างมูลค่าผลตอบแทนผู้ถือหุ้นจากการดำเนินงานและอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันบริษัทได้คืนผลตอบแทนจำนวนมากให้แก่ผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นถึง 18% เป็นมูลค่ากว่า 4,712 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทุกภาคส่วนธุรกิจมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและความแข็งแกร่งของธุรกิจ และธุรกิจใหม่ที่สร้างผลกำไรต่อเนื่องส่งผลให้รายได้และกระแสเงินสดเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษีต่อหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 12% และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกินต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 10% ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัยต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 9% หลังจากการจ่ายคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นมูลค่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน
“ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้า ของเอไอเอ คณะกรรมการได้แนะนำให้เพิ่มเงินปันผลประจำปี 10% คิดเป็น 130.98 เซ็นต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งส่งผลให้ยอดเงินปันผลรวมต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 9% ในปี 2567 นอกจากนี้ ตามนโยบายการจัดการทุนที่ปรับปรุงใหม่ คณะกรรมการได้ประกาศการซื้อหุ้นคืนใหม่มูลค่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐอีกด้วย
ประกอบด้วยเงินจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอัตราส่วนการจ่ายปันผล 75% ของเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิประจำปี (Net FSG) และเพิ่มอีก 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามการตรวจสอบสถานะเงินทุนของกลุ่มบริษัทเป็นประจำ เมื่อรวมกันแล้ว การจ่ายเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืนจะทำให้เกิดอัตราผลตอบแทนรวมอยู่ที่ประมาณ 6% สำหรับผู้ถือหุ้น
“เอไอเอ อยู่ในตำแหน่งที่ดีและแตกต่างอย่างโดดเด่น ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพการเติบโตเชิงโครงสร้างระยะยาวในตลาดที่มีความน่าสนใจที่สุดในโลกสำหรับธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ผ่านการดำเนินการตามกลยุทธ์ที่ชัดเจนและมีเป้าหมายอันแน่วแน่ของเรา ผมมั่นใจว่าโอกาสทางธุรกิจในระยะยาวของเอไอเอยังคงยอดเยี่ยม เราจะยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของเราได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อคว้าโอกาสที่อยู่ข้างหน้าและสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนของเรา” นายหลี่ หยวน ชยอง กล่าว