รมว.คลังมั่นใจ! เงินบาทแข็งค่าระยะสั้น แบงก์ชาติคุมได้ ยันไม่กระทบส่งออก

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าที่สุดในภูมิภาคว่ามาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ การค้าของไทยเกินดุลเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน และเงินลงทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเงินจากธนาคาร CTBC พันธมิตรจากไต้หวันเข้ามาซื้อหุ้นธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank วงเงินจำนวนกว่า 16,595 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีดีลการค้าสำคัญในเร็วๆ นี้ คือ ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งทำข้อตกลงร่วมกับธุรกิจประกันภัย ซึ่งจะมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในประเทศอีกกว่า 10,000-20,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้มีเงินดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงินของไทยจำนวนมาก ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินบาทเป็นเพียงสถานการณ์ในระยะสั้น แต่หลังจากเงินเหล่านี้ถูกใช้ออกไปน่าจะทำให้เงินบาทกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติได้

อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. สามารถดูแลและไม่ปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินกว่าที่ควรจะเป็น ขณะที่ภาคการส่งออก การที่ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เนื่องจากผู้ประกอบการบางรายนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ และส่วนใหญ่ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (เฮดจิ้ง) ซึ่งถือว่าเป็นการทำประกันความเสี่ยงโดยธรรมชาติไว้อยู่แล้ว

ขณะที่ผู้ส่งออกรายเล็ก โดยเฉพาะที่ใช้ผลผลิตในประเทศเป็นหลักจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้ จึงขอให้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนในการกำหนดราคาสินค้า อย่าเก็งกำไรว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าหรืออ่อนค่าในระยะข้างหน้าไม่ได้ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกรายเล็กยังมีปัญหาอยู่

“ทั้งนี้ โดยรวมการส่งออกของไทยปีนี้ยังเชื่อว่าจะเติบโตได้ดี เพราะสัดส่วนรายได้จากการส่งออกส่วนใหญ่มาจากผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก” รมว.คลัง กล่าว