คอลัมน์ สถานีลงทุน
โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ประเด็นที่กระทบต่อราคาทองคำในเดือนมิถุนายนเข้มข้นทีเดียว โดยมีการประชุมธนาคารกลางชั้นนำ ทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางญี่ปุ่น การประชุมสุดยอดผู้นำของสหรัฐและเกาหลีเหนือที่สิงคโปร์
ทั้งนี้ราคาทองคำได้รับปัจจัยลบจากเฟดมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.75%-2.00% และส่งสัญญาณจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
นอกจากนี้นักลงทุนยังคลายความวิตกกังวลจากสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ภายหลังมีการประชุมสุดยอดผู้นำครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือที่ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันเพื่อให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม
ทองคำไม่ได้ถูกแรงเทขายมากนักจากประเด็นดังกล่าว เนื่องจากสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีในปีนี้ไม่ได้ตึงเครียดเหมือนปีที่แล้ว ทำให้ไม่ค่อยกระทบมากนัก นอกจากนี้ทองคำได้รับแรงหนุนจากสงครามการค้าของสหรัฐและประเทศคู่ค้า ไม่ว่าจะเป็นจีน สหภาพยุโรป แคนาดา เม็กซิโก
สหรัฐ-เกาหลีเหนือเปลี่ยนโลก
สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือที่ผ่านมานับว่าเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ที่จะไม่เพียงแต่ให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น แต่จะส่งผลต่อความมั่นคงต่อภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งนี้สงครามเกาหลีที่เกิดขึ้นมายาวนานนับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ว่าชาวเกาหลีต้องการจะรวมประเทศหลายครั้ง จนเกิดสงครามเกาหลีครั้งยิ่งใหญ่และรุนแรงที่สุดในปี 1950 แต่สุดท้ายแล้วผลของสงครามนั้นกลับสร้างความเสียหายและผู้เสียชีวิตมากมาย จนต้องมีการเจรจาสงบศึกชั่วคราวในปี 1953 ซึ่งนับได้ว่า ผลการประชุมสุดยอดในครั้งนี้จะช่วยให้สงครามเกาหลีนั้นอาจสิ้นสุดลงอย่างถาวร นอกจากนี้ผู้นำเกาหลีเหนือมีความต้องการที่จะพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและความเจริญก้าวหน้าของประเทศ หลังจากเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือถดถอยในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาจากการปิดประเทศ ส่งผลให้ปัจจุบันจีดีพีของเกาหลีเหนือน้อยกว่าเกาหลีใต้ถึง 20 เท่า
ใครได้ประโยชน์จากการประชุม
ประเทศที่คาดจะมีผลประโยชน์และส่วนได้ส่วนเสียมากจากการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์นี้ นั่นคือ “จีน” เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญ มีอิทธิพลต่อเกาหลีเหนือ และเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 1 ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป้าหมายของจีนหวังว่าให้สหรัฐผ่อนคลายการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวมานาน ซึ่งจะเป็นการช่วยประคับประคองรัฐบาลเกาหลีเหนือไม่ให้พังทลายลง เพราะจะส่งผลต่อทางด้านการค้า และส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือทะลักเข้ามาในจีน
นอกจากนี้หากสหรัฐและเกาหลีเหนือสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกัน จะช่วยลดความผ่อนคลายพันธมิตรที่เหนียวแน่นระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ ลดปัญหาความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ และท้ายที่สุดจะนำไปสู่การถอนทหารสหรัฐออกจากเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการลดอำนาจอิทธิพลสหรัฐในเอเชีย ซึ่งก็สอดคล้องต่อความต้องการและเป็นผลดีต่อเกาหลีเหนือเช่นกัน
นอกจากนี้การที่ทั้ง 2 ประเทศมีข้อตกลงระหว่างกันจะทำให้การค้าโลก “มีเสถียรภาพ” มากขึ้น เนื่องจากส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม ตลอดจนตลาดเงิน ตลาดทุน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงการค้าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
อย่างไรก็ตาม การลงนามในข้อตกลงของการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือนั้นยังไม่มีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนของการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งยังคงต้องติดตามความชัดเจนอีกครั้ง และการประชุมสุดยอดผู้นำที่จะมีอีกครั้งต่อไป นับว่าเป็นประเด็นหนึ่งที่สำคัญที่จะส่งผลต่อความผันผวนของตลาดการเงิน ตลาดทุน ตลาดทองคำต่อไป
แนวโน้มราคาทองคำ
ประเด็นที่กระทบต่อราคาทองคำในช่วง 1 เดือนข้างหน้าไม่ค่อยมีประเด็นมากนัก ทำให้แนวโน้มราคาทองคำ spot คาดจะเคลื่อนไหว sideways คือแกว่งตัวในกรอบแคบ ทั้งนี้ถ้าราคาทองคำสามารถทะลุและยืนเหนือแนวต้านที่ 1,300-1,305 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันได้ ราคาทองคำจะกลับเป็นขาขึ้นได้ และจะมีแนวต้านที่ 1,320 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนการปรับลงของราคาทองคำยังเป็นโอกาสเข้าซื้อที่ 1,275 และ 1,265 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนเงินบาทมีทิศทางที่อ่อนค่าลงอย่างมากในรอบ 6 เดือน เป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองแท่งในประเทศ