
จุลพันธ์ เร่งส่งร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร เข้าสภา บรรจุวาระเร่งด่วน ให้ทันปิดสมัยประชุม หนุนเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ส่งเสริมการจ้างงาน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการของร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ฉบับที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว (ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ) โดยร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว อันประกอบด้วยสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุนและนำรายได้เข้าสู่ประเทศ ตลอดจนส่งเสริมการจ้างแรงงานในประเทศด้วย
การพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจรเป็นการดึงเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่จากต่างประเทศและเป็นเม็ดเงินใหม่จากนักลงทุนที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก (World Class) แบบครบวงจร ราว 100,000 ล้านบาท รวมทั้งพื้นที่สาธารณะเพื่อการนันทนาการและการส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นการลงทุนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย และทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำการท่องเที่ยวในภูมิภาค ประกอบกับ เป็นการนำธุรกิจกาสิโนและการพนันถูกกฎหมายให้เข้ามาอยู่ในระบบอย่างมีมาตรฐาน ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย มีการจัดเก็บรายได้และภาษีอย่างถูกต้อง
“รัฐบาลได้ประเมินตัวเลขเงินลงทุนเทียบเคียงกับสิงคโปร์ เมื่อ 20 ปีก่อน มีเงินลงทุนใน 1 พื้นที่ มีเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ หรือว่า 2 แสนล้านบาท โดยในปีที่แล้ว สิงคโปร์ได้อนุมัติให้ต่ออายุสัญญา และกำหนดให้ลงทุนเพิ่มอีก 8,000 ล้านดอลลาร์ หรือว่า 2.8 แสนล้านบาท” นายจุลพันธ์กล่าว
ในการนี้ รัฐบาลได้ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เช่น ปัญหาทางการเงินและหนี้สิน ปัญหาอาชญากรรม เป็นต้น โดยได้มีการเตรียมการสำหรับการกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไข และเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบข้างต้น เช่น การจำกัดคุณสมบัติของผู้เข้าใช้บริการเพื่อไม่ให้กระทบต่อเยาวชนและกลุ่มเปราะบาง การห้ามมิให้มีการเชิญชวน โฆษณา ประชาสัมพันธ์ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเกี่ยวกับกาสิโน
การกำหนดให้มีสำนักงานและพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล ตรวจสอบ และติดตามผลการดำเนินธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรอย่างใกล้ชิด เป็นต้น รวมทั้งให้มีการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร แล้วดำเนินการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบดังกล่าว
โดย ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ ประกอบด้วย 7 หมวด 104 มาตรา โดยมีสาระสำคัญกล่าวคือ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร (คณะกรรมการนโยบายฯ) ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจในการเสนอแนะนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรต่อคณะรัฐมนตรี ออกประกาศเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร การควบคุมและมาตรการบังคับ รวมถึงการพิจารณาและออกคำสั่งเกี่ยวกับการออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการเพิกถอนใบอนุญาต
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีการจัดตั้งสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุม กำกับดูแล ติดตาม ตรวจสอบ ส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
ทั้งนี้ สถานบันเทิงครบวงจรจะต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ตามที่คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนด โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และต้องประกอบด้วยธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ (เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานบริการ สนามกีฬา ยอชต์และครุยซิ่งคลับ สถานที่เล่นเกม สระว่ายน้ำและสวนน้ำ สวนสนุก เป็นต้น) อย่างน้อย 4 ประเภท ร่วมกับกาสิโน
โดยกาสิโนต้องมีสัดส่วนไม่เกิน 10% ของที่ดินหรือพื้นที่ใช้สอยของอาคารอันเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร และอนุญาตให้มีการพนันได้เฉพาะประเภทที่คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนด รวมทั้งต้องจัดให้มีเขตบริเวณของสถานประกอบการกาสิโนที่แยกห่างจากสถานประกอบธุรกิจสถานบันเทิงอื่นอย่างชัดเจน และห้ามบุคคลที่อายุน้อยกว่า 20 ปี เข้ากาสิโน นอกจากนี้ สถานบันเทิงครบวงจรจะต้องประกอบด้วยพื้นที่สำหรับส่งเสริมสินค้า บริการและศิลปวัฒนธรรมไทย ไม่น้อยกว่า 10% ของพื้นที่ทั้งหมดอีกด้วย
นายจุลพันธ์กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปจะเป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา โดยจะต้องดูว่ามีการแก้ไขอย่างไรกับกฎหมายฉบับนี้ เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต เบื้องต้นไทม์ไลน์ของการเสนอกฎหมายนั้น ขณะนี้เหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์ คือวันที่ 23 -เม.ย. และ 9-10 เม.ย.นี้
“จากการที่ได้คุยกับนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะวิปของ ครม. จะไปเจรจากับทางสภาว่า จะมีทางเลื่อนระเบียบวาระให้เร็วขึ้น เพื่อจะเข้าได้ทันสมัยประชุมนี้ จากนั้นจึงตั้งกรรมาธิการเพื่อพิจารณารายละเอียดในชั้นนี้ ก่อนจะเข้าวาระ 2-3 ต่อไป” รมช.คลัง กล่าว