
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เชื่อมติ ครม.อนุมัติ พ.ร.ก.เพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. ช่วยสร้างความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยได้ สามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้เร็วมากขึ้น พร้อมช่วยป้องปรามผู้ที่คิดจะกระทำความผิดเกิดเกรงกลัว
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (27 มีนาคม 2568) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ชุดยกระดับการกำกับดูแลกิจการและมาตรการบังคับใช้กฎหมาย) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอนั้น
เชื่อมั่นว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะส่งผลดีต่อตลาดทุนโดยรวม เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของการกำกับดูแลการซื้อขายและการตรวจสอบการทำธุรกรรมของบริษัทจดทะเบียนแล้ว ยังจะช่วยให้การดำเนินการทางคดีและการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการกระทำความผิดในตลาดทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลงโทษผู้กระทำความผิดได้รวดเร็วมากขึ้น
อันจะช่วยป้องปรามให้ผู้ที่คิดจะกระทำความผิดเกิดความเกรงกลัว โดยมาตรการต่าง ๆ ที่กำหนดเพิ่มเติมในร่างกฎหมายดังกล่าวสามารถจะเสริมสร้างความเชื่อมั่น (Trust & Confidence) ให้แก่ผู้ลงทุน ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนของตลาดทุนไทยในขณะนี้
ด้านนางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า การปรับปรุงกฎหมายในครั้งนี้ เป็นการปรับปรุงในหลาย ๆ มิติ ทั้งด้านการเพิ่มประสิทธิภาพเกี่ยวกับการกำกับดูแลการขายชอร์ตเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมโปร่งใส ด้านการกำกับผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน เพื่อยกระดับการทำหน้าที่ตรวจสอบและป้องกันการทุจริตของบริษัทจดทะเบียน
การรายงานข้อมูลการก่อภาระผูกพันในหลักทรัพย์เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลที่สำคัญ ครบถ้วน และเพียงพอ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน ด้านมาตรการทางกฎหมายเพื่อยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมของบริษัทจดทะเบียน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับในการบังคับใช้กฎหมาย โดยเพิ่มอำนาจในการทำคดีของ ก.ล.ต.
“ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้มีการดำเนินการในหลายด้านเพื่อยกระดับในการกำกับดูแล ให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วน รวมทั้งเตรียมความพร้อมบุคลากรด้านการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับปรุงกฎหมายภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. เป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับการกำกับดูแล โดยการออกเป็น พ.ร.ก. ตามที่ ครม.เห็นชอบจะช่วยให้การดำเนินการได้รวดเร็วมากขึ้น และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเป็นรากฐานในการช่วยบรรเทาผลกระทบต่อตลาดทุนได้กรณีมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ อีกทั้งการเสริมสร้างตลาดทุนไทยให้แข็งแกร่งยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
สำหรับกรณีการเป็นพนักงานสอบสวนในคดีที่มี High Impact ก.ล.ต.มีอำนาจในการทำคดีและเมื่อสรุปสำนวนเสร็จสิ้น จะนำส่งสำนวนและความเห็นไปยังพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้อง ซึ่งเป็นไปตามหลักการ Check and Balance ตามกระบวนการยุติธรรม การดำเนินการดังกล่าว ก.ล.ต.สามารถบูรณาการพนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือพนักงานสอบสวนคดีพิเศษหรือเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการร่วมสอบสวนคดีโดยใช้ความเชี่ยวชาญมาช่วยให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายในกรณี High Impact รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น” เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าว