
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินหุ้นไทยวันนี้แกว่งซึมลง แนวรับ 1,170 จุด แนวต้าน 1,200 จุด กังวลสงครามการค้าแรงขึ้น หลังสหรัฐเรียกเก็บภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนฯ 25% พร้อมระวังความผันผวนจากการปิดสัญญา TFEX ที่จะหมดอายุในวันนี้ อาจกดดันดัชนีลงอีกในช่วงท้าย
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่า คาด SET แกว่งซึมลง กังวลสงครามการค้าแรงขึ้นหลังสหรัฐ เรียกเก็บภาษีรถยนต์และชิ้นส่วน 25% รวมทั้งภาษีตอบโต้ที่จะมีผลสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ต้องระวังความผันผวนจากการปิดสัญญา TFEX ที่จะหมดอายุในวันนี้ และอาจกดดันดัชนีลงอีกในช่วงท้าย ประเมินแนวรับที่ 1,180-1,170 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,195-1,200 จุด
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
นายกฯแคนาดาแถลงจะตอบโต้สหรัฐ ที่ประกาศเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็ก 25% ส่วน ปธน.ทรัมป์ขู่เพิ่มภาษีนำเข้าสหภาพยุโรปและแคนาดาสูงกว่าเดิม หากร่วมมือกันทำร้ายเศรษฐกิจสหรัฐ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผย GDP 4Q67 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ขยายตัว 2.4% QOQ สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ปรับขึ้น 4%
ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. Entertainment Complex กำหนดให้ประกอบไปด้วย ห้าง, โรงแรม, สถานบริการ และสนามกีฬา ร่วมกับกาสิโนที่จำกัดพื้นที่ไม่เกิน 10% โดยต่อไปจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโดยสภาผู้แทนฯ คาดไม่เกินวันที่ 10 เม.ย.นี้
ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.ก. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ เพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. ในการตรวจสอบ, สามารถดำเนินคดีควบคู่กับตำรวจ และสามารถยับยั้งธุรกรรมที่น่าสงสัยก่อนสร้างความเสียหายรุนแรงได้ หนุนประสิทธิภาพการตรวจสอบและสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย
รมว.ท่องเที่ยวฯเผยความคืบหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกันว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยตั้งไว้ที่ 1 ล้านสิทธิ ให้สิทธิประมาณ 3,000 บาทต่อคืน โดยสำหรับเมืองหลักคาดรัฐช่วยจ่าย 40% ส่วนเมืองรองที่ 50% ใช้สิทธิช่วง พ.ค.-ก.ย. 2568
ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเผยแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนมูลค่ารวม 13.6 ล้าน ลบ. (90.6% ของ GDP) และเดินหน้าแก้หนี้เสีย 5 ประเภท มูลค่ารวม 8 แสน ลบ. เช่น ยืดระยะเวลาผ่อนหนี้บ้าน, รัฐบาลซื้อสินเชื่อบุคคล-บัตรเครดิตมาบริหารต่อ เพื่อแก้ไขปัญหาฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยที่มีมายาวนาน
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังรับรู้ปัจจัยลบไปมากแล้ว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนและการส่งสัญญาณยืดหยุ่นต่อแผนเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐ จะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย Thai ESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ YOY 2) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และ 3) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้น SET50 ที่น่าสนใจ ได้แก่ ADVANC BBL BDMS CPALL PTT ส่วนหุ้น SET100 ที่น่าสนใจ ได้แก่ AP BCH BTG
2. หุ้นปันผลคุณภาพดี โดย 1) มีสถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปีขึ้นไป และมี SET ESG Ratings ตั้งแต่ระดับ A-AAA 2) คาดบริษัทจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 2567 หลังหักจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ยังให้ Div. Yield สูงเกิน 4% และ Div. Payout Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือทรงตัว และ 3) ปี 2568 ผลประกอบการยังแข็งแกร่ง และราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside เกิน 15% แนะนำ AP KTB BBL SPALI KBANK
3. หุ้น Undervalued สำหรับลงทุน โดยคัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุน โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ YOY 2) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูง (Interest Coverage Ratio > 1) 3) Valuation ไม่แพง โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 2% และ 5) มี SET ESG Ratings ระดับ A-AAA แนะนำ MTC MINT AMATA BJC CPF
หุ้นแนะนำวันนี้
TRUE : หุ้นเด่นกลุ่มสื่อสาร โดยชอบ TRUE มากกว่า ADVANC เนื่องจาก TRUE น่าจะได้รับประโยชน์จากการประมูลคลื่นความถี่ในแง่ Upside ของกําไรที่มากกว่าและมีกําไรปกติปี 2568 ที่เติบโตแข็งแกร่งกว่า ADVANC ขณะที่ 1Q68 คาดกําไรปกติจะเติบโต YOY จากการประหยัดต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง และเติบโต QOQ จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง
CPF : มองเป็นหุ้น Undervalued ซื้อขายด้วย PER และ PBV ปี 2568 ที่ 8.4 และ 0.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่า -1SD กำไรปกติปี 2568 คาดเติบโตดี 24%YoY และ 1Q68 คาดกำไรปกติจะดีขึ้น YOY และอยู่ในระดับทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น QOQ แรงหนุนจากราคาสุกรในไทยและเวียดนามที่ยังแข็งแกร่ง ท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ หนุนให้มีมาร์จิ้นกว้างขึ้น