
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรืออีไอซี ประเมินไทยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงโดนสหรัฐ ขึ้นกำแพงภาษี หลังปี’67 เกินดุลสหรัฐ ราว 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ อยู่อันดับ 11 พร้อมสร้างแบบจำลองประเทศในเอเชียถูกขึ้นภาษี 10% คาดกระทบจีดีพีราว 1% ย้ำ ต้องรอดูความชัดเจน แนะผู้ประกอบการเร่งปรับตัว
ดร.ยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยเศรษฐกิจและความยั่งยืน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) กล่าวว่า สำหรับประเด็นเรื่องภาษีของสหรัฐ นั้น มองว่า ไทยมีโอกาสที่จะอยู่ในกลุ่มที่สหรัฐ จะขึ้นภาษี เพราข้อมูลล่าสุด ไทยเป็น Trading Partner สำคัญของสหรัฐ โดยปี 2567 ไทยเกินดุลสหรัฐ อยู่ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ นับเป็นอันดับที่ 11 ของ Trading Partner ทั้งหมด และหากดูอัตราภาษีตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะเก็บภาษีส่วนต่างของภาษี จากข้อมูลไทยเก็บภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐ สูงกว่าสหรัฐ เก็บภาษีสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐ ซึ่งส่วนต่างนี้ไทยอาจจะโดนเก็บภาษีได้ ซึ่งต้องติดตาม
อย่างไรก็ดี หากมีการเก็ฐภาษีจริงจะกระทบการส่งออกของไทยโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และอาจจะกระทบต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่จะเข้ามาลงทุนในไทย จะต้องมีการตัดสินใจกันอีกรอบ แต่มองว่า สหรัฐ จะประกาศนโยบายออกมาเช่นไร มองว่าไทยและประเทศอื่น ๆ ยังมีช่องในการเจรจากับสหรัฐ เพื่อให้เห็นภาพรวมความสัมพันธ์ทางด้านการค้าและความสัมพันธ์ทางด้านอื่น ๆ
อย่างไรก็ดี อีไอซีได้ตั้งแบบจำลอง (Simulate) หากทรัมป์ขึ้นภาษี 10% แบบทั้งกระดาน (Across the board) ทุกประเทศในเอเชีย อาจจะกระทบจีดีพีราว 1% ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบพอสมควร เพราะไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่พึ่งพาตลาดสหรัฐ ค่อนข้างเยอะ โดยมีสัดส่วนส่งออกไปสหรัฐ ประมาณ 18% ของส่งออกทั้งหมด และไทยพึ่งพาการส่งออกค่อนข้างเยอะและรวมผลผลิตอยู่ที่ประมาณ 60%
ดังนั้น หากรวม 2 ประเด็นนี้เข้ามาไทยจะยืนในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบต่อจีดีพีพอสมควร อย่างไรก็ตาม อาจจะยังประเมินผลต่อจีดีพีไม่ได้ อาจจะต้องรอดูว่าทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีประเทศอื่นเท่าไร และไทยเท่าไร และนำมาประเมินอีกที แต่เชื่อว่าจะต้องมีการเจรจากันต่อเนื่อง เหมือนที่เห็นในประเทศเม็กซิโก และแคนนาดา และภาครัฐไทยก็คงต้องเตรียมตัว เพราะไม่ว่ากระทบมากหรือน้อย แต่ก็มีผลกระทบต่อการส่งออก และความเชื่อมั่น
“แม้ว่าเราจะอยู่ในลิสต์หรือไม่อยู่ในลิสต์ มองว่า ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขยายตลาดใหม่ ๆ การพัฒนาสินค้าต่าง ๆ เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันและต้นทุน หรือการจับมือร่วมกับผู้ประกอบการในภูมิภาค เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคอาเซียนที่จะช่วยดึงดูดการลงทุนและมีตลาดเสริมขึ้นมามากขึ้น นอกจากตลาดสหรัฐ ที่เราพึ่งพาค่อนข้างเยอะ”